จากกรณีที่มีสถานการณ์ฝีดาษวานร ในแอฟริกากลาง พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จนทำให้มีข้อกังวลว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือไม่นั้น ความคืบหน้าล่าสุดโดย นพ.วิชาญ บุญกิติกร ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวยืนยันว่า ข้อมูลสายพันธุ์โรคฝีดาษวานรที่มีอยู่พบว่ายังไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ เป็นสายพันธุ์เก่าที่มีสายพันธุ์ย่อยอยู่ 2 สายพันธุ์
ส่วนสายพันธุ์ที่มีการรายงานข่าวออกมาทางแอฟริกากลางนั้น จากการดูข้อมูลสถานการณ์ฝีดาษวานรทั่วโลก แนวโน้มโรคไม่ได้สูงขึ้นยังคงทรงตัว
สำหรับประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังอยู่แล้วซึ่งยังไม่จำเป็นต้องมีการกักตัวหรือตรวจเฉพาะผู้เดินทางมาจากแอฟริกากลางแต่อย่างใดยังคงใช้ระบบเฝ้าระวังเดิมโดยกรณีหน่วยบริการเจอผู้เดินทางที่มีอาการและเข้ารับการรักษานั้นทุกรายจะต้องมีการรายงานเข้ามายังระบบส่วนกลาง โดยต้องมีการตรวจยืนยันสายพันธุ์โรคฝีดาษวานรล่าสุดยังไม่เจอสายพันธุ์ที่รุนแรงที่เชื่อมโยงกับทางแอฟริกา
สำหรับอาการของโรคฝีดาษวานรนั้น ยังคงเหมือนเดิม คือ มีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ผื่นขึ้น มีตุ่มหนอง อยู่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ที่สำคัญไม่ได้ติดต่อง่าย ต้องสัมผัสแนบชิดจริง ๆ กลุ่มเสี่ยงก็จะเป็นกลุ่มมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัยแต่ไม่ได้ติดจากการหายใจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ข้อมูลสะสมของประเทศไทย ระบุว่า มีผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2567 อยู่ที่ 822 ราย โดยตั้งแต่มกราคม 2567 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีการรายงานผู้ป่วยฝีดาษวานรสะสม 135 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วย ปี2567 หากเทียบกับ ปี 2566 ไม่ต่างกันมาก และขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากฝีดาษวานร
ส่วนการรักษาในปัจจุบัน เป็นการรักษาตามอาการของผู้ป่วยหากอาการไม่มากรับยากลับไปดูแลรักษาที่บ้านแต่เน้นย้ำผู้ที่ใกล้ชิดผู้ป่วยจะต้องมีการเฝ้าระวังตัวเองภายในระยะเวลา 21 วัน ให้สังเกตอาการไข้ มีผื่น มีตุ่มหนองขึ้นตามร่างกาย หากมีอาการเหล่านี้ต้องไปตรวจยืนยันที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแต่หากบางรายที่มีอาการหนักก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
สำหรับความรุนแรงของโรคฝีดาษวานรนั้นจัดให้อยู่ในกลุ่มโรคติดต่อเฝ้าระวัง ไม่ใช่โรคติดต่ออันตราย การติดต่อของโรคถือว่าติดต่อไม่ง่าย หากไม่ได้มีสัมพันธ์แนบชิดใกล้ชิดกัน การรักษาหรือนอนในโรงพยาบาลไม่มีความจำเป็นจะต้องแยกกักกันโรคเหมือนโรคอันตรายอื่น ๆ แต่ต้องรายงานผู้ป่วยเข้าระบบและผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยต้องเฝ้าระวังตัวเอง