จากกรณีที่ กระทรวงสาธารณสุข ของประเทศบราซิลรายงานเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคไข้โอโรพุช (Oropouche Fever) เสียชีวิต 2 รายแรกของโลกที่ประเทศบราซิล
ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 พบรายงานผู้ป่วยในบราซิลทั้งหมด 7,236 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตาย 0.03 % ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายเป็นเพศหญิง อายุน้อยกว่า 30 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ประวัติช่วงป่วยมีอาการคล้ายไข้เลือดออก โดยผู้ป่วยอาศัยอยู่ที่รัฐบาเฮีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล
ทั้งนี้ โรคไข้โอโรพุช พบมากในประเทศแถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียน โดยในเดือนมิถุนายน 2567 มีรายงานผู้ป่วยในประเทศโบลิเวีย เปรู คิวบาและโคลอมเบีย ส่วนในประเทศไทยยังไม่เคยพบรายงานผู้ป่วยจนถึงปัจจุบัน
โรคไข้ไอโรพุช ไม่ใช่โรคติดต่ออุบัติใหม่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง คือ Oropouche virus (OROV) ไวรัสชนิดนี้เป็นเชื้อประจำถิ่น (endemic) ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอเมซอน
มีรายงานการพบผู้ป่วยในประเทศแถบอเมริกาใต้ (เช่น Brazil, Peru, Argentina, Bolivia, Colombia) และแถบแคริบเบียน (เช่น Panama, Trinidad และ Tobago) เชื้อมีระยะฟักตัวโดยทั่วไป คือ 4-8 วัน (อยู่ในช่วง 3-12 วัน)
ไข้เฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดกระบอกตา และผื่น ประมาณร้อยละ 16 มีอาการเลือดออก เช่น จุดเลือดออกที่ผิวหนัง เลือดกำเดา และเลือดออกตามไรฟัน และมีรายงานเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningoencephalitis) แต่พบได้น้อย
มีแมลงเป็นพาหะ โดยพาหะนำโรคหลัก คือ ตัวริ้น (Culicoides paraensis) ซึ่งพบมากในทวีปอเมริกา และยุงบางชนิดสามารถเป็นพาหะของไวรัส OROV ได้ เช่น Culex quinquefasciatus, Coquillettidia venezuelensis, Mansonia venezuelensis และ Aedes serratus
ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการพบตัวริ้นที่เป็นพาหะหลักในประเทศไทย รวมถึงยังไม่มีรายงานในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยังไม่พบหลักฐานการแพร่ระบาดระหว่างคนสู่คน ความเสี่ยงหลักของการพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยอาจมาจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพื้นที่ที่มีการระบาดซึ่งความเป็นไปได้ยังคงต่ำมาก อีกทั้งความรุนแรงของโรคค่อนข้างน้อย
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางระบาดวิทยาให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงการระบาดของโรคนี้ในประเทศไทยค่อนข้างต่ำแต่ต้องระมัดระวังในกลุ่มผู้เดินทางไปประเทศดังกล่าว ควรป้องกันตนเองไม่ให้ถูกแมลงและยุงกัด สังเกตอาการภายหลังเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงประมาณ 2 สัปดาห์ หากเจ็บป่วยมีอาการคล้ายโรคไข้เลือดออก คือ
ทั้งนี้ หากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจทันที
คำแนะนำสำหรับประชาชนที่เดินทางไปในประเทศไปที่มีรายงานการระบาดของโรคนี้โดยเฉพาะประเทศในทวีปอเมริกาใต้และแคริบเบียน
1.ป้องกันตนเองระหว่างที่เดินทางในต่างประเทศดังกล่าว ควรสวมเสื้อและกางเกงขายาว เพื่อป้องกันยุงและตัวริ้นกัด
2.ทาโลชั่นกันยุง และหลีกเลี่ยงการในสถานที่ที่มียุงหรือแมลงเยอะ
3.หากเดินทางกลับประเทศไทยแล้วมีอาการไข้เฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดกระบอกตาและผื่นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและรีบไปพบแพทย์ แจ้งประวัติการเดินทางเพื่อดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคต่อไป