28 มิถุนายน 2567 นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผย โรคความดันโลหิตสูง คือ ผู้ที่มีความดันโลหิตมากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท โรคความดันโลหิตสูงสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ ความดันโลหิตสูงแบบปฐมภูมิ (essential/primary hypertension) คือ ภาวะความดันโลหิตสูงที่สามารถพบได้บ่อยที่สุดและยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
ส่วนใหญ่มักจะเกิดในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปมักจะเกิดจากพันธุกรรม และสภาพแวดล้อม เช่น คนในครอบครัวมีประวัติของโรคความดันโลหิตสูง การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม หรือการที่มีน้ำหนักตัวเกิน
รวมถึงโรคร่วมอื่น ๆ ที่มีผลทางอ้อมที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน ไรคไตเสื่อม โรคนอนกรน เป็นต้น ซึ่งความดันโลหิตสูงแบบปฐมภูมิสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน
ดังนั้น การรักษาต้นเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นอาจช่วยลดความดันโลหิตลงได้บ้าง แต่ยังจำเป็นต้องใช้ยารักษาความดันโลหิตสูงอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตลอดไป
ความดันโลหิตสูงแบบทุติภูมิ (secondary hypertension) คือ ภาวะความดันโลหิตสูงที่มีสาเหตุมาจากโรค ภาวะ สารหรือยาบางอย่างที่มีสาเหตุชัดเจน เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูงจากโรคที่เกี่ยวกับระบบไต ระบบหลอดเลือด หรือระบบต่อมไร้ท่อ
รวมไปถึงการใช้ยาหรือสารบางอย่างที่ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งการรักษาจากสาเหตุตั้งต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถทำให้ความดันกลับมาเป็นปกติได้
ด้าน นพ.เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของโรคความดันโลหิตสูง มักจะไม่มีอาการผิดปกติจะตรวจพบได้ก็ต่อเมื่อมีการตรวจวัดความดันโลหิตเท่านั้นแต่ในกรณีที่มีความดันโลหิตสูงมาก ๆ อาจมีอาการปวดศรีษะ ตึงบริเวณต้นคอ มึนเวียน ตาพร่ามัวได้
ในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงวิกฤติ (Hypertensive emergency) คือ ผู้ที่ค่าความดันโลหิตที่มากกว่า 180/100 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไปร่วมกับมีอาการของระบบใดระบบหนึ่งที่ผิดปกติร่วมด้วย เช่น มีอาการเหนื่อยจากภาวะหัวใจล้มเหลว มีอาการเจ็บหน้าอกจากภาวะหัวใจขาดเลือด มีอาการซึม พูดจาสับสน ปวดศรีษะมาก อาเจียนจากภาวะทางสมอง แขน/ขาอ่อนแรงจากภาวะเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก หรือภาวะไตวายเฉียบพลัน
หากมีอาการดังกล่าว จำเป็นต้องได้รับการรักษาในทันทีโดยการให้ยาทางหลอดเลือดเพื่อลดความดันโลหิตลงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยภายในระยะเวลาเป็นนาทีหรือชั่วโมง
นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากกว่า 180/100 มิลลิเมตรปรอทแต่ไม่มีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยการรับประทานยาเพื่อลดความดันโลหิตให้กลับมาเป็นปกติภายในระยะเวลา 2-3 วัน
ทั้งนี้ หากปล่อยให้มีความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานโดยไม่ทำการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อระบบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ ดังนี้
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ระบบสมอง
ระบบตา
ดังนั้น หากพบว่า ตนเองมีความดันโลหิตสูง ควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ไปพบแพทย์เพื่อรับยารักษาความดัน และโรคอื่นร่วมด้วย ลดการบริโภคอาหารรสเค็ม ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มมึนเมา ลดน้ำหนัก และออกกำลังกายในระดับปลานกลางอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินเร็ว หรือวิ่งเหยาะ ๆ อย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที เลิกสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียดจากการทำงาน