ผงะ!พบผู้ป่วย "ฝีดาษวานร" พุ่งกว่า 2 เท่าใน 1 เดือน

01 ก.ค. 2566 | 17:55 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ค. 2566 | 17:55 น.

ผงะ!พบผู้ป่วย "ฝีดาษวานร" พุ่งกว่า 2 เท่าใน 1 เดือน กรมควบคุมโรคระบุเป็นกลุ่มชายรักชายมากที่สุด ชี้ป้องกันได้ด้วยการงดการสัมผัสแนบชิดกับผิวหนังผู้ป่วยหรือ ผื่น ตุ่มหนอง สารคัดหลั่ง และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยโรคฝีดาษาวานรในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียวเพิ่มจำนวน 48 ราย ซึ่งมากกว่า 2.3 เท่า ของผู้ป่วยในเดือนพฤษภาคมที่มีจำนวน 21 ราย เป็นคนไทย 41 ราย ชาวต่างชาติ 7 ราย 

ส่วนใหญ่พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (38 ราย) และในจังหวัดสมุทรปราการ 3 ราย ชลบุรี นนทบุรี จังหวัดละ 2 ราย สมุทรสาคร ภูเก็ต ปทุมธานี จังหวัดละ 1 ราย  ผู้ป่วย 48 ราย

ทั้งนี้ เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และมีประวัติติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ร่วมด้วย 22 ราย หรือคิดเป็น 45.8% ของผู้ป่วยในเดือนมิถุนายน 2566 โดยส่วนใหญ่มีปัจจัยเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักก่อนป่วย 

"โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ของประเทศไทย พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยรวม 91 รายในไทย และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" 
 

อย่างไรก็ดี ยังไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต สังเกตว่าเดือนที่ผ่านมาผู้ป่วยฝีดาษวานรรายใหม่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีมากเกือบครึ่งหนึ่ง โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยเลี่ยงไม่สัมผัสแนบชิดกับผู้ป่วย หรือผู้ที่สงสัยติดเชื้อฝีดาษวานร รวมทั้งงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก 

และสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีผื่น/ตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือตามร่างกาย และมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสแนบชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัยฝีดาษวานร หรือผู้ป่วยฝีดาษวานร 

รวมทั้งกลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือเป็นฝีดาษวานรในขณะป่วย ให้สังเกตภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น บริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ เจ็บคอ คัดจมูก หรือ ไอ มีผื่น หรือ ตุ่มน้ำหรือ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก หรือ บริเวณรอบๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาล โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงทันที 

สำหรับธีป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษวานร เช่น หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด รวมทั้งแนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคฝีดาษวานรระบาดเพิ่มขึ้นรวดเร็วในเวลาเดือนเดียว สะท้อนถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อในเพศชายวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย 

กรมควบคุมโรคจึงขอความร่วมมือ เครือข่ายที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน เช่น โรงพยาบาลและคลินิกเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม สถานประกอบการสุขภาพ ประเภทสปา ซาวน่า ให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และคำแนะนำในการสังเกตอาการโรคฝีดาษวานรสำหรับประชาชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และการป้องกันโรคฝีดาษวานรแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยง 

“โรคฝีดาษวานรสามารถป้องกันได้โดยงดการสัมผัสแนบชิดกับผิวหนังผู้ป่วยและไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน นอกจากการสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ให้สังเกตตุ่มหนองในบริเวณที่มีโอกาสสัมผัสแนบเนื้อ เพื่อป้องกันความเสี่ยงรับเชื้อจากการสัมผัส”