โควิด 19 เริ่มแพร่ระบาดในประเทศไทยช่วงปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีที่เชื้อไวรัสดังกล่าวยังคงอยู่ และดูท่าว่าจะยังไม่มีจุดสิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของโรคนั้น ลดน้อยถอยลงจากการที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด
ส่วนบางรายก็ติดเชื้อโควิดและทำให้มีภูมิคุ้มกัน ขณะที่เวลานี้ไทยเองก็ให้โควิด19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65
ล่าสุดนพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า
โควิด 19 เด็กนักเรียนอนุบาลหรือประถมตอนต้น ควรเลิกใส่หน้ากากอนามัย
จากการศึกษาที่ศูนย์ไวรัส ศึกษาเด็กนักเรียนประถม และอนุบาลส่วนใหญ่ติดเชื้อ covid19 ไปแล้วถึง 80%
และได้รับวัคซีนไปแล้วจำนวนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่มาก ทำให้เด็กส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้มีภูมิต้านทาน ที่เกิดจากการติดเชื้อมาแล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสติดโรคซ้ำ แต่อาการจะไม่รุนแรง ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจ
เราพบว่าเด็กในกลุ่มนี้ 1 ใน 3 ไม่มีอาการของโรค ตรวจพบการติดเชื้อได้จากการตรวจเลือด ในระบบภูมิต้านทาน anti nucleocapsid.
การใส่หน้ากากอนามัยในเด็กเล็ก ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ และไม่สามารถที่จะใส่ได้แบบถูกวิธีในการป้องกัน
การเรียนรู้ของเด็กในวัยนี้จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเรียนรู้ทั้ง verbal และ nonverbal หรือภาษาท่าทาง
การแสดงออกทางอารมณ์ในท่าทางก็มีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ด้วยเช่นกัน
โรค covid-19 อยู่ในขาลง และการพบในเด็กขณะนี้น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นไปหมดแล้ว
ดังนั้นเมื่อคำนึงถึงผลได้ผลเสียแล้ว ในเด็กนักเรียนอนุบาลและประถมสามารถที่จะเลิกหน้ากากอนามัยได้แล้ว
โดยเฉพาะในโรงเรียน ยกเว้นการอยู่ในรถประจำทาง รถไฟฟ้า หรือห้างที่เป็นสถานที่ปิด หรือไปโรงพยาบาล