โควิด19 สายพันธุ์ไหนต้องระวังปีนี้ เช็คการระบาดจากอดีต-ปัจจุบันที่นี่

02 ม.ค. 2566 | 14:58 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ม.ค. 2566 | 21:59 น.

โควิด19 สายพันธุ์ไหนต้องระวังปีนี้ เช็คการระบาดจากอดีต-ปัจจุบันที่นี่ มีคำตอบ หมอธีระชี้แต่ละระลอกที่ระบาดเกิดจากสายพันธุ์หลักสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง


โควิด19 เริ่มต้นมีการระบาดตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันมีระยะเวลายาวนานกว่า 3 ปี แต่ก็ยังไม่มีจุดสิ้นสุด 

 

หรือมีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้อย่าง 100% หรือมียารักษาโรคโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีสายพันธุ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายตามแต่เชื้อของแต่ประเทศ

 

ล่าสด รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ

 

สายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดมาก อดีตถึงปัจจุบัน

 

หากเราทบทวนประวัติศาสตร์การระบาดในช่วงที่ผ่านมา ไวรัสโควิด-19 หลากหลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไปทั่ว ตั้งแต่ระดับทวีปไปจนถึงระดับโลก
ตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิม จากจีน

  • D614G จากยุโรป (อิตาลี?)
  • Alpha จากสหราชอาณาจักร
  • Beta จากแอฟริกาใต้
  • Gamma จากแถบอเมริกาใต้ (บราซิล?)
  • Delta จากอินเดีย
  • Omicron จากแถบตอนใต้ของแอฟริกา

 

แต่ละระลอกที่มีการระบาดในช่วงที่ผ่านมา มักเกิดจากสายพันธุ์หลักสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง 

อย่างไรก็ตาม ระลอกล่าสุดที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานั้น กลับพบว่าเกิดจากหลากหลายสายพันธุ์ย่อยที่เกิดขึ้นมาใหม่ แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ BQ.1.x ในยุโรปและอเมริกา, XBB ในสิงคโปร์, ฺBA.2.75.2 ในอินเดีย, BF.7 ในจีน 

 

จนถึงวินาทีนี้ เริ่มต้นปีใหม่ ข้อมูลล่าสุดที่ทั่วโลกกำลังจับตามองคือ สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ที่ตอนนี้กำลังระบาดหนักขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มจากนิวยอร์ก และกระจายไปทั่วประเทศ สัดส่วนการระบาดทวีคูณรอบสัปดาห์ และทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าเป็นห่วง

 

โควิด19 สายพันธุ์ไหนระบาดมากจากอดีต-ปัจจุบัน ชนิดใดต้องระวังปีนี้

 

ข่าวจาก BNO News เมื่อคืนนี้รายงานว่า อเมริกามีจำนวนผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล 45,279 คน ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ที่มีสัดส่วนติดเชื้อแล้วป่วยจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงกว่าช่วงอายุอื่น

 

ผลจากการวิจัยจากทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า XBB.1.5 นี้ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากสุดในทุกสายพันธุ์ที่เคยมีมา (เทียบเท่ากับ XBB.1 เดิมที่เป็นบรรพบุรุษ) และมีความสามารถจับกับตัวรับ ACE2 ที่ผิวเซลล์เป้าหมายได้แน่นกว่าไวรัสอื่นๆ ที่กำลังระบาดอยู่

 

ประเมินกันว่า XBB.1.5 นี้ อาจเป็นไวรัสสายพันธุ์ล่าสุดที่มีโอกาสที่จะลามไปทั่วโลกได้ หากแต่ละประเทศไม่มีมาตรการเฝ้าระวัง และมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่ดีพอ 

 

ปี 2566 นี้ ยังไม่สามารถตีตรา ป่าวประกาศบอกให้คนในสังคมว่า โควิดเป็นหวัดธรรมดา หรือหวัดใหญ่ ตามฤดูกาลได้ เพราะข้อมูลวิชาการและข้อมูลสถานการณ์ระบาด ติด ป่วย ตาย ที่เห็นกันอยู่ทั่วโลกนั้น ชี้ชัดว่าไม่เป็นเช่นนั้น

การใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน เรียน เดินทางท่องเที่ยว ควรดำเนินไปด้วยความไม่ประมาท ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ เป็นกิจวัตร

 

แต่ละประเทศควรหายาต้านไวรัสมาตรฐาน ที่เป็นที่ยอมรับ ได้แก่ Paxlovid, Remdesivir, และ Molnupiravir เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการดูแลรักษาได้อย่างทั่วถึง และทันต่อสถานการณ์

 

การจัดหาวัคซีน Bivalent เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมรับแรงกระเพื่อมจากการระบาดของสายพันธุ์ไวรัสใหม่ที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องจำเป็น

 

เหนืออื่นใด การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

 

โควิด...ไม่จบแค่ชิลๆ แล้วหาย แต่ป่วยหนักได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อ Long COVID ด้วย

 

ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด