การเปิดประเทศของจีนกลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตา เหตุเพราะเกรงว่าจะเป็นการนำเชื้อไวรัสโควิด19 เข้ามาเผยแพร่
ทั้งนี้ เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันจีนเองก็มีการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
ประเทศไทยถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวจีนเลือก ขณะที่ไทยเองก็ไม่ได้มีการยกระดับการป้องกันเพิ่มมากขึ้นกับนักท่องเที่ยวจีน
ประชาชนไทยเองก็เกิดความกังวลว่าเชื้อโควิดจากจีนจะเข้ามาแพร่ระบาดในไทยหรือไม่
ล่าสุดน.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ทำไมไทยจึงพอจะเบาใจได้ เรื่องนักท่องเที่ยวจีนอาจทำให้โควิดมีการแพร่ระบาดอย่างมากในประเทศไทย
หลังจากที่จีนได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายโควิดเป็นศูนย์มาเป็นลำดับ
และกำลังจะมีมาตรการสำคัญยิ่งใหญ่ แทบจะเรียกว่าเป็นการเปิดประเทศกันเลยทีเดียว
คือนับตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 จีนจะยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าออกประเทศจีน
ทำให้ประชาชนของทุกประเทศสามารถเดินทางเข้าจีนได้สะดวก ง่ายดายขึ้น
และในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวจีนก็สามารถออกมาเที่ยวนอกประเทศได้สะดวกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผลของการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว ทำให้จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดในโลกราว 1,400 ล้านคน
เกิดการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในช่วงสามปีที่ผ่านมาจีนควบคุมโควิดได้ดีมาก จนมีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 1 ล้านคน เสียชีวิตไปเพียง 5000 คนเศษ
ทำให้ประเทศต่างๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการเปิดประเทศของจีนแตกต่างกันออกไป แยกได้สองกลุ่ม คือ
สำหรับกลุ่มประเทศที่ไม่ได้เพิ่มมาตรการเข้ม เพราะมีความเชื่อว่าไวรัสก่อโรคในขณะนี้คือ สายพันธุ์โอมิครอนนั้น มีความสามารถในการติดต่อได้ง่ายก็จริง แต่ไม่ได้รุนแรงและผู้เสียชีวิตไม่มากนัก อาจถือเป็นโรคประจำฤดูกาล
จึงไม่ควรเสียโอกาสในการหารายได้เข้าประเทศ
อย่างไรก็ตาม แนวความคิดดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลรองรับว่า สายพันธุ์ที่มีการระบาดในประเทศจีนนั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่แล้วในประเทศของตนเอง
นับเป็นข่าวดี ที่ศูนย์จีโนมแห่งชาติคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลได้เปิดเผยข้อมูลว่า
จากตัวอย่างการถอดรหัสไวรัสในประเทศจีนขณะนี้ เป็นไวรัสสายพันธุ์ที่ไม่ได้รุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทย แล้วก็ไม่ได้รุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ทั่วโลก กล่าวคือ
เป็น BA. 5.2 จำนวน 25.8%
BF.7 จำนวน 23.5%
โดยที่ BA. 5.2 จะสู้สายพันธุ์หลักของไทยในปัจจุบันคือ BA. 2.75 ไม่ได้
โดย BA.2.75 ของไทยแพร่เก่งกว่า BA.5.2 ของจีนอยู่ 63%
และแพร่เก่งกว่า BF.7 อยู่ 9%
ในขณะเดียวกันนั้นของประเทศอิตาลี ที่มีข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวจากจีนสองไฟลท์ตรวจพบโควิดประมาณครึ่งหนึ่ง ก็ถอดรหัสเบื้องต้นแล้วพบว่าไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด
ในเยอรมนี และในกลุ่มประเทศยุโรปก็พบหลักการเดียวกันคือ ไวรัสที่ก่อโรคในประเทศจีน ล้วนแต่เป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดในประเทศอื่นๆแล้วทั้งสิ้น
ดังนั้นการที่มีการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อโดยธรรมชาติต่อไวรัสสายพันธุ์ที่ล้ำหน้ากว่าสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในจีน จึงทำให้เกิดความเบาใจว่าจะไม่มีการระบาดที่รุนแรงจากนักท่องเที่ยวชาวจีน
แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามข้อมูลรายละเอียด ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของประเทศจีนไปเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงเพิ่มขึ้น มาตรการต่างๆก็ต้องยกระดับเข้มข้นขึ้นทันที