โควิด19 ยังคงไม่หายไปจากโลกนี้ แม้ว่าจะถูกลดระดับความอันตรายลง เช่น ในประเทศไทยที่ปัจจุบันเหลือเพียงโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
โควิดเริ่มขยับอีกครั้ง ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 8.8% เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 17.5%
โควิดของประเทศไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ตุลาคมถึง 5 พฤศจิกายน 2565) เริ่มมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นทุกดัชนี เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านั้น (23 ถึง 29 ตุลาคม 2565) ดังนี้
ผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์
ผู้ป่วยอาการหนักปอดอักเสบ
ผู้ป่วยหนักมากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
การขยับตัวเพิ่มดังกล่าว ยังคงต้องติดตามในสัปดาห์ต่อไป อีกอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ถึงจะบอกแนวโน้มที่ชัดเจนได้ว่า จะเกิดโควิดระลอกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระลอกเล็กหรือระลอกใหญ่ก็ตาม หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบกับสถานการณ์โควิดของประเทศในโลกตะวันตก ซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวและมีมาตรการถอดหน้ากากที่ผ่อนคลายอย่างมากและรวดเร็วกว่าเรา
ก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ จนบางรัฐของสหรัฐฯ และบางจังหวัดของแคนาดา ได้กลับมาใช้มาตรการให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยอีกครั้งแล้ว
เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโควิด ไข้หวัดใหญ่ หรืออาร์เอสวี ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งเป็นปกติในช่วงฤดูหนาวของประเทศตะวันตก ที่จะทำให้โรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น
แม้ในประเทศไทยเราเอง ฤดูหนาวจะไม่ได้หนาวเท่ากับประเทศตะวันตก แต่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ซึ่งประเทศไทยก็เริ่มพบการขยับตัวเพิ่มขึ้นทั้งของ โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และอาร์เอสวีแล้ว
เหตุที่ประเทศไทย เริ่มมีผู้ป่วยโควิด 19 ขยับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เกิดจาก
กล่าวโดยสรุป โควิดทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย อยู่ในช่วงขาลงนับตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา แต่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เริ่มมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นของโควิด
ซึ่งทำให้เราต้องระมัดระวังว่า อาจจะเกิดระลอกเล็ก หรืออาจจะเป็นระลอกใหญ่ได้ด้วย
การใส่หน้ากากอนามัย การหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดยัดเยียดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ยังคงมีความจำเป็น