"Superdodger" คืออะไร เช็คนิยามที่แท้จริงของโควิดได้ที่นี่

02 ต.ค. 2565 | 10:59 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ต.ค. 2565 | 17:53 น.

"Superdodger" คืออะไร เช็คนิยามที่แท้จริงของโควิดได้ที่นี่ ต้องเป็นผู้ไม่เคยติดเชื้อ หรือผู้ที่ติดเชื้อแล้วไม่เคยมีอาการ

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana โดยระบุว่า 

 

คำว่า Superdodger ที่ชัดที่สุดคงเป็นกรณีของผู้ที่สัมผัสเชื้อ HIV แต่ไม่เคยติดไวรัสสักที ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ดังมากในอดีต 

 

จนกระทั่งมีการค้นพบครั้งสำคัญที่ว่า HIV ไม่ใช่แค่จับกับ CD4 บนเม็ดเลือดขาวแล้วจะเข้าติดเชื้อได้ 

 

ยังมีโปรตีนอีกตัวนึงชื่อว่า CCR5 ซึ่งเป็นตัวเปิดประตูให้ไวรัสเข้าเซลล์ได้ Superdodger 

 

ในการศึกษานั้นคือ คนที่มี mutation สำคัญบนยีนที่สร้างโปรตีน CCR5 
 

ทำให้โปรตีนตัวนี้ไม่มีการแสดงออกบนเซลล์เม็ดเลือดขาวเลย HIV จึงได้แต่จับกับ CD4 แต่ไม่มีตัวช่วยให้ติดเข้าเซลล์ 

 

นับว่าเป็นองค์ความรู้สำคัญมากๆ ที่ทำให้มีคนพยายามเอาความคิดการปรับยีนของมนุษย์ให้ไม่มีการแสดงออกของ CCR5 เพื่อเป็นการรักษาการติดเชื้อ หรือ ผู้ป่วยเอดส์ ที่เคยเป็นข่าวดังมากในวงการ 

 

แต่ Superdodger ของโควิดจะยากกว่ากรณีของ HIV เพราะเราทราบว่าไวรัสใช้โปรตีนตัวรับ ACE2 ในการเข้าสู่เซลล์ 

 

"Superdodger" คืออะไร

 

การที่ใครสักคนจะมี mutation เหมือนกรณีของ HIV คงเป็นไปได้ยากมากๆ เพราะ ACE2 มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง 

 

โดยเฉพาะการควบคุมระบบความดันโลหิตของร่างกาย พูดง่ายๆคือ เราขาด ACE2 บนเซลล์เหมือนเราขาด CCR5 บนผิวเซลล์ไม่ได้

 

ดังนั้น นิยาม "Superdodger" ของโควิดจริงๆ จะใช้ว่า คนที่"ไม่เคยติดเชื้อ"คงจะไม่ใช่ แต่ คงจะเป็นผู้ที่ติดเชื้อแล้วไม่เคยมีอาการมากกว่า

 

งานวิจัยล่าสุดที่ออกมาเป็น Preprint เหมือนจะบอกว่า คนที่เป็น Superdodger ในบริบทของโควิด 

อาจจะเกี่ยวข้องกับยีนที่ชื่อว่า HLA ซึ่งโปรตีนตัวนี้มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้พร้อมรบกับไวรัสแบบไม่ต้องถูกกระตุ้นก่อน 

 

คนบางคนอาจมี HLA ที่เคยกระตุ้นด้วยการติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่นจากไข้หวัดธรรมดามาในอดีต 

 

แล้วสามารถข้ามมาป้องกันการติดโคโรนาสายพันธุ์ SARS-CoV-2 ได้ แบบไม่จำเป็นต้องใช้เวลากระตุ้นเหมือนคนปกติ

 

ซึ่งไวรัสจะไม่มีเวลาในการเพิ่มจำนวนจนแสดงอาการในคนเหล่านั้นได้