นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้พบปะพี่น้องอสม.เขตสุขภาพที่ 4 จัดขึ้นที่จังหวัดนครนายก ซึ่งได้ไปทบทวนเรื่องการนับคาร์บตามสูตรคำนวณ แต่ขอให้คิดคำนวณด้วยตัวเอง ซึ่ง อสม. สามารถทำได้อยู่แล้ว คาดว่า การนับคาร์บที่ให้ประชาชนนับเป็นที่ตั้งเป้า 20 ล้านคน ในวันที่ 20 มี.ค.และ 50 ล้านคน ภายในสิ้นปีงบประมาณนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังได้ถือโอกาสไปเยี่ยมชม Wellness Tourism ที่วังยาว ริเวอร์ไซต์ รีสอร์ท ด้วย โดยที่นี่เป็นรีสอร์ทที่พักท่ามกลางธรรมชาติ มีกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง มีทั้งแนวผจญภัย ล่องแก่ง
ที่น่าสนใจ คือ เรื่อง Wellness Tourism เป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวควบคู่กับการส่งเสริมสุขภาพ มีการนวดสปา โยคะ และอื่น ๆ อีกมากมายเหมาะสำหรับการเดินทางมาเป็นครอบครัวซึ่งตนมองว่า การท่องเที่ยวแนวนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ
สอดรับกับแนวทางของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข กำลังผลักดันในการเพิ่มจีดีพีให้กับประเทศจากเศรษฐกิจสุขภาพ ตนได้มีการแลกเปลี่ยนกับทางผู้ประกอบการอีกทั้งแนะนำเรื่องเพิ่มมูลค่าให้กับหมอนวด โดยการอัพสกิล สามารถเข้ามาติดต่อกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนพยายามผลักดันเกี่ยวกับเศรษฐกิจสุขภาพเพราะมองเห็นมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะนวดไทย จะสามารถทำเงินให้ได้มาก ได้ให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
จัดทำหลักสูตรอบรมการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพและรับรองความรู้ความชำนาญด้านการนวดไทย 7 กลุ่มโรค เพื่อเร่งพัฒนาและผลิตหมอนวดให้มีฝีมือ สามารถรักษา 7 กลุ่มโรค ที่คนสมัยนี้เป็นกันมากจากการทำงาน เช่น ออฟฟิศซินโดรม หัวไหล่ติด ปวดสลักเพชร นิ้วล็อก เป็นต้น
ถ้ามีความเชี่ยวชาญแล้วจะสามารถทำเงินให้หมอนวดเพิ่มขึ้นได้อีก เช่น หมอนวดเฉพาะด้านจากเดิมเคยได้ 150 บาทต่อชั่วโมง ก็จะเป็น 300 บาท หรือหมอที่เชี่ยวชาญจะได้จาก 500 เป็น 800 บาท
"ตลาดเวลเนสทั่วโลกได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดสูงหลายพันล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะประชากรโลกหันมาดูแลด้านการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้นรวมถึงการฟื้นฟูร่างกาย เมื่อเราพัฒนาฝีมือหมอนวดไทยให้มีศักยภาพ ก็สามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้อีกด้วย" นายสมศักดิ์กล่าว