13 มีนาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้ถามสดโดยนางสาวกิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี เขต 4 พรรคเพื่อไทย กรณีแนวทางแก้ไขปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯในขณะนั้นได้ให้ความสนใจในประเด็นนี้เป็นอย่างมาก ให้เร่งรัดแก้ปัญหาโดยเร่งด่วนและได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากปัญหาบุคลากรขาดแคลนและกระจายตัวไม่เหมาะสมส่งผลต่อการให้บริการรักษาคนไข้ เป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากต้องแก้เป็นระบบ ในระยะสั้น คือ การนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการ ระยะกลาง เช่น ส่งเสริมป้องกัน ลดป่วยโรค NCDs และระยะยาว คือผลิตแพทย์และกระจายแพทย์ลงพื้นที่
ดังนั้น การแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เราจะแก้เฉพาะการเพิ่มแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องลดจำนวนผู้ป่วยลง
จากสถิติมีประชาชนใช้บริการในโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุขถึง 304 ล้านครั้งต่อปี โดยอัตราส่วนปัจจุบันแพทย์ 1 ต่อ 922 และมีเป้าหมายจะต้องเพิ่มแพทย์ให้ได้ 1 ต่อ 650 จากจำนวนแพทย์ที่มีอยู่ 31,074 คน ต้องเพิ่มอีก 71,616 คน ถ้าหากเพิ่มจำนวนบุคลากรทางการแพทย์อย่างเดียวและไม่ลดจำนวนคนป่วยเลยเพิ่มเท่าไหร่ก็ไม่พอ และต้องใช้เวลาอีก 10 ปีจำนวนแพทย์จึงจะทำได้ครบตามเป้า
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตัวเลขของการใช้จ่ายในสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จากอดีตจนถึงปัจจุบันมีการใช้จ่ายมากกว่า 50 % เราจะมุ่งทำให้คนป่วยลดลงและลดการไปรักษาพยาบาล ลดการแออัดแล้ว จึงจัดโครงการคนไทยห่างไกลโรคติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs เราใช้สโลแกน NCDs ดีได้ด้วยกลไก อสม. NCDs ถือเป็นภาระหนักของระบบสาธารณสุขไทย เสียชีวิตปีละ 400,000 คน
ปัจจุบันคนป่วยในระบบการรักษาเฉพาะ NCDs 33 ล้านคน แบ่งเป็น เบาหวานเพิ่มขึ้นปีละ 300,000 คน มะเร็งเพิ่มขึ้นปีละกว่า 140,000 คน งบประมาณปี 2560 ของ สปสช.จำนวน 127,651 ล้านบาท ใช้รักษา NCDs สูงถึง 62,138 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้คนไทยเข้าโรงพยาบาล ปีละ 304 ล้านครั้ง สูญเสียทางอ้อม 1.1 ล้านล้านบาท สูญเสียต้นทุนทางเศรษฐกิจ 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี NCDs เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้
กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ดำเนินการใช้นโยบายป้องกันเพิ่มเติม และมั่นใจว่า ไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่มเติมมีแต่จะใช้งบประมาณน้อยลง ถ้าเราสามารถลดคนป่วยได้ ตัวเลขที่กล่าวมาแล้ว ความแออัดในโรงพยาบาลก็จะลดลง
"วันนี้เรารณรงค์ให้มีการคิดคำนวณ ที่เรียกว่า นับคาร์บ ได้รับการสนับสนุนจากสสส.และหน่วยงานอื่น ๆ เข้ามาช่วย แม้แต่แพทยสภาเห็นพ้องต้องกันเรื่องการลดจำนวนผู้ป่วยที่เกิดจากบริโภคอาหาร มีคนบอกว่า คนไทยทำนาต้องบริโภคข้าวเป็นหลัก ผมคิดว่า คนทำงานหนักต้องบริโภคแป้งข้าวมาก ๆ แต่คนทำงานเบาอ่านเขียนหนังสือ ต้องบริโภคคาร์โบไฮเดรตให้น้อย ใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์
วันนี้เรารณรงค์ให้คนและบริโภคคาร์โบไฮเดรตไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ไปแล้วเกือบ 20 ล้านคน เป้าหมายของเราจะรณรงค์ให้ได้ 50 ล้านคน ในวันที่ 30 กันยายนหรือมากกว่านั้น" นายสมศักดิ์กล่าว
สำหรับการรณรงค์นี้ ได้ให้ อสม. เป็นตัวช่วยหลัก วันนี้นับคาร์บ ได้เกือบ 20 ล้านคนถ้านับได้ครบตามเป้าหมาย 50 ล้านคน กระทรวงสาธารณสุขเตรียม ให้รางวัล อสม.แล้ว โดยการตรวจสุขภาพให้ครบถ้วน ขณะที่พระภิกษุสงฆ์เจ็บไข้ได้ป่วยถึง 78 % ตนและกระทรวงสาสุขได้ไปถวายความรู้ในเรื่องการบริโภค มั่นใจจะสามารถลดคนป่วยที่จะเข้าสู่การรักษาพยาบาลได้ในระยะสั้นมีการพัฒนาศูนย์ข้อมูลใช้ดิจิทัลเข้ามา เทเลเมดิซีน การนัดคิวและแจ้งเตือนผ่านออนไลน์ มีระบบแพทย์ทางไกลและจัดส่งยาผ่านเฮลท์ไรเดอร์เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว
ส่วนการสนับสนุนความเป็นอยู่ของแพทย์พยาบาล โดยแฟลต อาคารชุด ห้องพักบุคลากรนั้น ได้มีการของบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปี 2566 – 2568 โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำคำขอทุกปี รวมทั้งสิ้น 1,890 คำขอ แต่ได้รับการจัดสรรประมาณ 1 ใน 3 หรือ ราว 601 คำขอ แบ่งเป็น
นอกจากนี้ยังได้มีนโยบายที่จะของบประมาณจากแหล่งอื่น ๆ เข้ามาพัฒนาด้วย