บอร์ดคุมแอลกอฮอล์ จ่อปลดล็อคขายเหล้าเบียร์ในสนามบิน วันพระใหญ่

18 มี.ค. 2568 | 16:20 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มี.ค. 2568 | 16:33 น.

บอร์ดคุมแอลกอฮอล์ เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกฯ ขายแอลกอฮอล์วันพระใหญ่ในสนามบินนานาชาติ กำหนดข้อยกเว้นการขายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติและการขายในสถานบริการใหม่

จากการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม โดย นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ..... ซึ่งเป็นการรับนโยบายมาจากคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติที่มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ เป็นประธาน ให้ขายในสนามบินที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศได้

ในส่วนของการขายในโรงแรมให้ขายได้ตามประกาศคณะปฏิวัติที่ 253 ที่กำหนดให้ขายได้เฉพาะช่วงเวลา 11.00-14.00 น.และเวลา 17.00-24.00 น. หากโรงแรมใดต้องการขายนอกเวลาดังกล่าวสามารถขออนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตาม พ.ร.บ.โรงแรมฯ ที่รับผิดชอบโดยกระทรวงมหาดไทย 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะกรรมการฯ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการยกเลิก หรือ แก้ไขปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2567 ประเด็นการกำหนดเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พิจารณามาตรการควบคุมเวลาและสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยปี 2568 Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ซึ่งที่ประชุมยังคงห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 5 วัน คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษาแต่จำกัดเฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้น โดยสถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย ได้แก่

1.ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ สามารถจำหน่ายแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและเลานจ์ภายในสนามบิน

2.การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ  เช่น ผับ บาร์ ที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบันเทิง

3.สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ย่านทองหล่อ พัฒน์พงศ์ หรือถนนข้าวสาร ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจะต้องมีมาตรการคัดกรองและรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และการจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน

4.การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมที่ให้บริการนักท่องเที่ยว อนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในโรงแรม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

5.สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ เช่น งานประชุมสัมมนา งานแสดงสินค้า หรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก หรือมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน ตามรายชื่อสถานที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีนายสมศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานได้มีการพิจารณาเห็นชอบให้มีการแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังคงให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉพาะ 2 ช่วงเวลา ได้แก่ 11.00 - 14.00 น. และ 17.00 - 24.00 น. เช่นเดิม

โดยกำหนดข้อยกเว้นการขายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ และการขายในสถานบริการซึ่งเป็นไปตามกำหนดเวลาเปิดปิดของสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ

ทางคณะกรรมการได้พิจารณาแก้ไขข้อความจาก "อาคารท่าอากาศยานนานาชาติ" เป็น "อาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ" และเพิ่มข้อยกเว้นสำหรับการขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมเท่านั้น โดยจะนำร่างประกาศดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นและดำเนินการตามขั้นตอน ของกฎหมายต่อไป

ขณะที่การผ่อนปรนเรื่องสถานที่หรือบริเวณห้ามขายและห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ให้มีการขายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในบริเวณโถงสถานีกรุงเทพ (ห้องปรับอากาศ) ภายในสถานีรถไฟกรุงเทพและกรณีรถเช่าเหมาคันนั้น ที่ประชุมขอความชัดเจนเรื่องของนิยามและแนวทางการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้จึงให้นำกลับไปพิจารณาในรายละเอียดก่อนนำเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง