จากกรณีการจัดสรรงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวผู้ป่วยนอกของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ให้กับคลินิกเอกชนฯ หลายแห่ง พบว่า ขาดสภาพคล่องซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการรับผิดชอบจ่ายเองกรณีส่งต่อ 800 บาท และกรณีเหตุสมควรจำเป็นในเครือข่ายฯ 200 บาทที่ สปสช. มีการคาดประมาณไว้สูงกว่าเงินที่ สปสช.มีการกันไว้สำหรับชำระค่าใช้จ่ายดังกล่าว ทำให้ต้องมีการหักงบเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มเติมนั้น
นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช.และ พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร ได้เชิญผู้ประกอบการคลินิกชุมชนอบอุ่นซึ่งเป็นคลินิกเอกชนที่ร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 31 แห่งที่ได้รับงบเหมาจ่ายรายหัวในงวดที่ผ่านมา 10 บาทและไม่เกิน 20 บาท มาร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นทางคลินิกเอกชนฯ ได้มีข้อเสนอต่อทาง สปสช. ขอให้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับคลินิกชุมชนอบอุ่น คือ ในรอบการโอนจ่ายงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวผู้ป่วยนอกในวันที่ 10 มีนาคม 2568 นี้ ขอให้ สปสช. จ่ายที่อัตรา 40 บาทต่อประชากรก่อน โดยชะลอภาระค่าใช้จ่ายไว้ก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้คลินิกชุมชนอบอุ่นได้มีเงินหมุนเวียนในระบบเพื่อสามารถจัดบริการได้
นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า คลินิกชุมชนอบอุ่น ยังมีข้อเสนอขอให้ สปสช. ไม่หักเงินชำระหนี้ข้ามกองทุน ให้มีการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายของโรงพยาบาลจากงบผู้ป่วยนอกกรณีส่งต่อตามหลักเกณฑ์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และขอให้ สปสช. หารือกับศูนย์บริการสาธารณสุขในการเปิดรับประชากรเพิ่ม เนื่องจากมีคลินิกฯ บางแห่งขอพักการลงทะเบียนสิทธิผู้ป่วย ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 และการลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ทั้งนี้ จากข้อร้องเรียนเรื่องการส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ทาง สปสช.ขอให้คลินิกส่งต่อผู้ป่วยตามศักยภาพของคลินิกและความจำเป็นของผู้ป่วย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและผู้ป่วยได้รับบริการที่เป็นไปตามมาตรฐาน
"สปสช. ได้เชิญคลินิกชุมชนอบอุ่นมาหารือร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพพื้นที่เขต 13 กรุงเทพมหานครที่ให้มีการบริหารจัดการกองทุนให้รายรับและรายจ่ายของหน่วยบริการสมดุลกัน อีกทั้งให้มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง
สำหรับคลินิกชุมชนอบอุ่นถึงแม้รายรับส่วนใหญ่มาจากงบผู้ป่วยนอกเหมาจ่ายรายหัว แต่ยังมีรายรับจากบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งคลินิกฯ ต้องจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคมากขึ้น อีกทั้งเป็นเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนด้วย อย่างไรก็ดีข้อเสนอที่คลินิกชุมชนอบอุ่นนำเสนอมานี้ ทาง สปสช. จะได้นำไปพิจารณาในแนวทางดำเนินการต่อไป" รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว