กรณี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แถลงข่าวรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี 2567 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีการนำเสนอสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ เรื่อง คนต่างด้าวกับระบบสาธารณสุขชายแดน ว่ามีค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เรียกเก็บไม่ได้ของคนต่างด้าว ในพื้นที่ชายแดน 31 จังหวัด มูลค่า 9.2 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567
ต่อมา กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี สศช. เปิดเผยค่าใช้จ่ายต่างด้าวเข้ามารักษาในไทยใช้วงเงิน 9.2 หมื่นล้านบาท ว่าตัวเลขดังกล่าวน่าจะมีความผิดพลาดและเป็นไปไม่ได้ นั้น สศช. ชี้แจงในเรื่องการนำเสนอข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขฯ ดังนี้
สศช.ได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับคนต่างด้าวในระบบสาธารณสุขชายแดน ถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การใช้บริการสาธารณสุขของคนต่างด้าว รวมทั้งบประมาณในการดำเนินการดังกล่าว จนถึงปี 2567 ได้แจ้งว่าจะนำมาจัดทำเป็นสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญนำเสนอในรายงานภาวะสังคมไตรมาสสี่และภาพรวมปี 2567
ต่อมาสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งหนังสือ เป็นข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับคนต่างด้าวในระบบสาธารณสุขชายแดน มายัง สศช. ทั้งในรูปแบบเอกสารและไฟล์ข้อมูล ประกอบด้วย จำนวนคนต่างด้าวที่เข้ามาใช้บริการสาธารณสุขของไทย และเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดน จำแนกตามสัญชาติ สิทธิการรักษา กลุ่มจังหวัด และโรค จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงงบประมาณการรักษาของคนต่างด้าว ทั้งที่เรียกเก็บได้และเรียกเก็บไม่ได้ ระหว่างปี 2560-2567
โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีค่าใช้จ่ายของคนต่างด้าวทั้งหมดในพื้นที่ชายแดน 31 จังหวัด อยู่ที่ 95,203,717,959.04 บาท เป็นค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บไม่ได้ 92,083,466,347.59 บาท
ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวกับกระทรวงสาธารณสุข ก่อนจัดทำบทความลงในรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสีและภาพรวมปี 2567
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานกลับมาว่าจะทำหนังสือส่งข้อมูลที่ถูกต้องมายัง สศช. อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ สศช. ขอยืนยันว่า การจัดทำข้อมูล การนำเสนอข้อมูล และรายงานสถานการณ์ทางสังคมที่นำเสนอในรายงานภาวะสังคมทุกครั้ง ในทุกไตรมาส ดำเนินการตามหลักวิชาการ ดำเนินการขอข้อมูลอย่างเป็นทางการผ่านการออกหนังสือราชการ มีหลักฐานในการขอข้อมูลและนำข้อมูลมาใช้อย่างถูกต้อง และนำเสนอข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อชี้ประเด็นที่ยังเป็นปัญหา และสร้างความตระหนักให้กับสังคมไทย นำไปสู่การแก้ปัญหาให้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป