“คาโอ” ยกระดับการเข้าถึงข้อมูลแม่มือใหม่ ดันบทบาทหญิงรับวันสตรีสากล

08 มี.ค. 2568 | 12:39 น.

คาโอ อินดรัสเตรียลเดินหน้ายกระดับการเข้าถึงข้อมูลแม่มือใหม่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และการเลี้ยงลูก พร้อมดันบทบาทหญิงรับวันสตรีสากล เชื่อเป็นปัจจัยสร้างสังคมยั่งยืน และแรงขับเคลื่อนพัฒนาให้ก้าวไปข้างหน้า

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการเลี้ยงลูกในรูปแบบที่เข้าใจง่าย รวมถึงสนับสนุนบทบาทผู้หญิงในทุกมิติ และร่วมผลักดันพลังสตรีในสังคมไทยเนื่องในโอกาสวันสตรีสากล (International Women’s Day)           

โดยดำเนินการผ่านการนำเสนอรายการ Happy Family Classroom ซึ่งความร่วมมือระหว่างแบรนด์เมอร์รี่ส์ และ happybirth clinic มุ่งตอบโจทย์แม่มือใหม่สร้างความมั่นใจในการดูแลสุขภาพของตนเองและลูกเพราะเชื่อว่าการสนับสนุนผู้หญิงให้มีศักยภาพในทุกบทบาท เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยพัฒนาสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า

“การดำเนินการดังกล่าวเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่มือใหม่ ที่อาจขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง หรือได้รับข้อมูลที่กระจัดกระจายจากหลากหลายแหล่งเกี่ยวกับการดูแลตนเองและลูก โดยจะนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ได้จริง โดยมี พญ. ฐิติพรรณ ชยวงศ์รุ่งเรือง สูตินรีแพทย์เฉพาะทาง จาก happybirth clinic เป็นผู้ให้คำแนะนำ” 

ซึ่งการนำเสนอจะครอบคลุมหัวข้อสำคัญที่เป็นคำถามยอดฮิตของคุณแม่มือใหม่ เช่น การฝากครรภ์ ความเสี่ยงเบาหวานในแม่ตั้งครรภ์ การดูแลเต้านมแม่ เทคนิคการให้นมลูก และการดูแลลูกน้อยหลังคลอด

พญ. ฐิติพรรณ ชยวงศ์รุ่งเรือง (หมอชะเอม) สูตินรีแพทย์เฉพาะทาง จาก happybirth clinic กล่าวว่า การนำเสนอดังกล่าวจะมุ่งแก้ไขความเข้าใจผิดที่สำคัญ เช่น การฝากครรภ์ที่ไม่ได้มีแค่การตรวจเพศลูก แต่ยังช่วยประเมินความเสี่ยงที่สำคัญต่อสุขภาพแม่และลูก คำแนะนำเหล่านี้ช่วยให้การดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอดกลายเป็นเรื่องง่าย และเสริมความมั่นใจให้แม่ทุกคน

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก กรมอนามัย และ สถาบันอนามัยแม่และเด็ก ปี พ.ศ. 2567 ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มแม่และเด็ก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือครอบครัวที่มีรายได้น้อยมักประสบปัญหาการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการที่จำเป็น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โภชนาการ และการศึกษาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การขาดการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เหมาะสมทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการคลอดก่อนกำหนด 

ขณะเดียวกัน เด็กจากครอบครัวยากจนมักพลาดโอกาสในการรับวัคซีนที่สำคัญทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคที่ป้องกันได้ อีกทั้งการขาดความรู้ด้านโภชนาการและการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ ส่งผลให้อัตราการขาดสารอาหารในเด็กต่ำกว่า 5 ปี ยังคงสูงถึง 15%

นอกจากนี้ ข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยังระบุว่า ครอบครัวที่มีรายได้น้อยที่สุด 10% เข้าถึงบริการสุขภาพและการศึกษาในระดับต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีรายได้สูง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและบริการที่จำเป็น