สธ. ร่วมมือ ทส. หนุนปลูกสมุนไพรพื้นที่อนุรักษ์ ใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพ

07 มี.ค. 2568 | 11:48 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มี.ค. 2568 | 12:00 น.

สธ.ร่วมมือ ทส. หนุนปลูกสมุนไพรในพื้นที่อนุรักษ์ หลัง “สมศักดิ์” ตั้งเป้าใช้สมุนไพรในหลักประกันสุขภาพ ด้าน “อภัยภูเบศร” ชูโมเดล ต้นแบบชุมชนเกษตรอินทรีย์เก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่าอย่างยั่งยืน

ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาแหล่งปลูกสมุนไพรพื้นที่เขตอนุรักษ์ เพื่อนำมาใช้ในระบบสุขภาพและเศรษฐกิจ ตลอดจนพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness) ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าเพิ่มสั่งใช้ยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพ ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาทในปี 2569 

โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการความรู้ การส่งเสริมการใช้สมุนไพรจากป่า สมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัด และนวดไทยอัตลักษณ์ 4 ภาค 

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพ และยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์มูลค่าสูง การแพทย์แผนไทย สมุนไพร และผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ได้มาตรฐานสากล ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ควบคุมคุณภาพตลอดห่วงโซ่การผลิต 
จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะในขับเคลื่อนการดำเนินงาน เนื่องจากสมุนไพรเป็นทรัพยากรที่มีอยู่ในธรรมชาติ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ส่วนหนึ่งจะมีอยู่ในพื้นที่ป่า หรือพื้นที่เขตอนุรักษ์ ซึ่งรวมไปถึงพื้นที่ทางทะเลชายฝั่งด้วย 

 

ดังนั้น การดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสมุนไพรในเขตพื้นที่ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แถลงมอบนโยบายด้านการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ มีพันธกิจสำคัญในการดูแลรักษาพื้นที่ป่าของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางการแพทย์และเศรษฐกิจ 

                           สธ. ร่วมมือ ทส. หนุนปลูกสมุนไพรพื้นที่อนุรักษ์ ใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพ

การร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และเป็นไปตามหลักวิชาการ ช่วยสนับสนุนให้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีแหล่งวัตถุดิบที่มั่นคง ปลอดภัย และได้มาตรฐาน 

รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพแบบองค์รวมนั้นก็เป็นนโยบายที่สอดคล้องกัน ซึ่งจะส่งเสริมทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมกัน โดยความร่วมมือในวันนี้จะนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ปลูกสมุนไพรในเขตอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ มีการศึกษาวิจัย และสร้างแนวทางการใช้ประโยชน์ที่สมดุลกับการอนุรักษ์ โดยไม่ทำลายระบบนิเวศ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยใช้ยาในระบบสาธารณสุขของรัฐ ประมาณ 70,500 ล้านบาท เป็นยาแผนตะวันตก 69,000 ล้านบาท และเป็นยาสมุนไพรเพียง 1,500 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นการใช้ยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประมาณ 400 ล้านบาทเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่มียาสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณภาพและมาตรฐาน

                              สธ. ร่วมมือ ทส. หนุนปลูกสมุนไพรพื้นที่อนุรักษ์ ใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพ

แพทย์หญิงชนิดา สยุมภูรุจินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า อภัยภูเบศรให้ความสำคัญกับการพัฒนาวัตถุดิบที่นำมาพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ต้องผ่านมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของนานาชาติ คือ มาตรฐาน IFOAM (International Federation of Organic Movement) มีการตรวจรับรองว่า วัตถุดิบต้องปลอดจากสารเคมีตกค้าง ไม่ใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงสังเคราะห์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ส่งเสริมความยั่งยืนทางการเกษตร และวัตถุดิบที่เก็บเกี่ยวต้องมีสารสำคัญทางยาตามมาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยเราส่งเจ้าหน้าที่เกษตรอินทรีย์ลงไปทำงาน สร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนและอุทยานแห่งชาติ 

ด้าน ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า อภัยภูเบศร ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำการพัฒนาสมุนไพรไทย มาตรฐานสากล สร้างโมเดลชุมชนต้นแบบเกษตรอินทรีย์ที่เก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่า มากว่า 20 ปี ซึ่งเป็นแนวทางการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายระบบนิเวศและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ เก็บเกี่ยวในปริมาณที่เหมาะสมของทรัพยากรในพื้นที่ ส่งเสริมการปลูกทดแทนโดยใช้สายพันธุ์ดั้งเดิมในพื้นที่ ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ 

เก็บเกี่ยวแบบเลือกสรร ใช้เครื่องมือที่ไม่ทำลายรากหรือโครงสร้างของพืช ซึ่งทำให้อภัยภูเบศรมีวัตถุดิบสมุนไพรจากป่าใช้ในการผลิตยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพ ด้วยมาตรฐานการผลิตที่เป็นสากล ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ สร้างเศรษฐกิจให้ชุมชน

                                  สธ. ร่วมมือ ทส. หนุนปลูกสมุนไพรพื้นที่อนุรักษ์ ใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพ

ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ได้ยกกรณีความร่วมมือกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในผืนป่าตะวันตก จ.ตาก จนเกิดเป็นโมเดล “ปลูกสมุนไพร ต่อลมหายใจผืนป่า” หนุนส่งเสริมอาชีพชุมชน จนชาวบ้านมีรายได้ต่อปีจากการปลูกขมิ้นชันในเขตป่าอนุรักษ์ กว่า 4 ล้านบาท และในพื้นที่โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริบ้านปางมะขามป้อม จ.เชียงราย ชาวบ้านเก็บมะขามป้อมจากป่ามูลค่ากว่า 14 ล้านบาท รวมทั้งพืชสมุนไพรอื่น ๆ รวมเกือบ 20 ล้านบาท 

โดยมูลนิธิฯ มีสัญญารับซื้อที่ชัดเจน มีการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ การเก็บผลผลิตจากป่า ห้ามตัดหรือโค่นต้น ซึ่งแม้จะส่งผลให้ต้นทุนยาสูงขึ้น แต่เราก็คาดหวังว่าคุณภาพยาที่ดีจะทำให้มีการใช้อย่างกว้างขวาง และเกิดการพัฒนาด้านสมุนไพรที่ยั่งยืน เมื่อป่ากินได้ ใครก็หวงแหน เพราะป่าเป็นรากฐานเศรษฐกิจชุมชน 

ด้านนายกิตติพงษ์ พรมจักร์ หัวหน้าโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริบ้านปางมะขามป้อม กล่าวเสริมว่า เมื่อก่อนชาวบ้านปลูกข้าวโพดรายได้น้อย ก็ต้องถางป่าเพื่อทำไร่เพิ่ม แต่ปัจจุบันชาวบ้านเก็บมะขามป้อม มีรายได้เพียงพอ ซึ่งนอกจากจะไม่บุกรุกป่าแล้ว ยังช่วยดูแลไม่ให้เกิดปัญหาไฟป่า ลดปัญหาฝุ่น Pm 2.5 และปลูกป่าเพิ่มทุกปี เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ และนอกจากมะขามป้อมแล้ว ป่ายังมีสมุนไพรอื่นๆ ที่มีศักยภาพ เช่น มะแขว่น รางจืด กระชายป่า สมอภิเภก ฯลฯ”

สอดคล้องกับ นายยุทธนา เพ็ชรนิล เจ้าหน้าที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ผู้ประสานงานโครงการ “ปลูกสมุนไพร ต่อลมหายใจผืนป่า” ในพื้นที่ป่าตะวันตก สะท้อนบทเรียนจากการทำงานว่า ชุมชนในพื้นที่อนุรักษ์ มีข้อจำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามมาตรา 64 ซึ่งมีข้อจำกัดมาก การส่งเสริมอาชีพสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ จะเป็นทางออกในการบริหารจัดการที่ดินของชุมชน ซึ่งตอบโจทย์ในทุกมิติ ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ สุขภาพ 

และขอฝากประเด็นสำคัญที่ต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการที่ชัดเจน ในการสนับสนุนวัตถุดิบสมุนไพรที่ผลิตภายในประเทศโดยเกษตรกรไทย โดยเฉพาะวัตถุดิบสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ ซึ่งภาครัฐควรมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนที่ชัดเจน