"สมศักดิ์" สั่งคุมเข้ม โรงงานน้ำแข็งลพบุรี หลังแอมโมเนียรั่วไหล

11 ก.พ. 2568 | 14:50 น.

"สมศักดิ์" สั่งการ สสจ.ลพบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุแอมโมเนียรั่วในโรงงานน้ำแข็ง หลังพบผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 32 ราย เผยแก๊สอันตรายส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบหายใจ-ดวงตา-ผิวหนัง เร่งทำลายน้ำแข็งที่อาจปนเปื้อนทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

11 กุมภาพันธ์ 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีโรงน้ำแข็งแอมโมเนียรั่วที่จังหวัดลพบุรีว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี (สสจ.ลพบุรี) ว่า จากเหตุแอมโมเนียรั่วเบื้องต้นส่งผลให้คนงานได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ประมาณ 32 คน แบ่งเป็น หญิง 17 ราย ชาย 6 ราย เด็กหญิง จำนวน 6 ราย และเด็กชายอีก จำนวน 3 รายซึ่งในจำนวนนี้ต้องแอดมิด จำนวน 4 ราย

ส่วนการดำเนินการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า บริเวณด้านหน้าโรงงานยังมีกลิ่นแอมโมเนียและส่วนที่ใช้แอมโมเนียในการหล่อเย็น คือ การผลิตน้ำแข็งหลอด ไม่ได้ใช้ผลิตน้ำแข็งซอง

ขณะที่บริเวณผลิตน้ำแข็งซอง พบว่า จุดเครื่องจักรที่เป็นจุดทำความเย็นด้วยแอมโมเนีย ยังมีกลิ่นแอมโมเนียค่อนข้างมาก แม้ใส่หน้ากาก N95 ยังได้กลิ่น ไม่สามารถเข้าไปเวลานานได้

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของความปลอดภัยด้านอาหาร สสจ.ได้ดำเนินการเบื้องต้น ดังนี้ ผู้ประกอบการยินดีทำลายน้ำแข็งที่ผลิตแล้วทั้งน้ำแข็งซองและน้ำแข็งหลอดทั้งหมดเพราะมีกลิ่นแอมโมเนียในห้องเก็บน้ำแข็งที่บรรจุแล้วโดยเมื่อคนงานกลับจากโรงพยาบาลแล้วจะทำลายโดยใส่ในบ่อบำบัดน้ำเสียพร้อมส่งภาพให้ สสจ.ลพบุรี ทราบในส่วนของน้ำแข็งหลอดที่อยู่ในกระบวนการผลิตผู้ประกอบการยินดีทำลายน้ำแข็งหลอดทั้งหมดทันทีแต่น้ำแข็งซองที่อยู่ในกระบวนการผลิตไม่เกี่ยวข้องกับการใช้แอมโมเนีย

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยืนยันว่า เป็นระบบปิดแอมโมเนียที่รั่วไหลไม่มีผลกระทบ หรือปนเปื้อนไปกับน้ำแข็งได้ ผู้ประกอบการจะดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำแข็งบริเวณที่อยู่ใกล้กับจุดแอมโมเนีย 3 จุด ส่งตรวจวิเคราะห์หาสารปนเปื้อนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ หากพบว่า ไม่มีการปนเปื้อนให้จำหน่ายได้ 

สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไป คือ อุตสาหกรรมจังหวัดร่วมกับ สสจ.ตรวจสอบสถานที่ผลิตโดยละเอียดภายในวันนี้ เพราะอาจมีผลกระทบด้านสุขภาพเนื่องจากแก๊สแอมโมเนีย (Ammonia, NH₃) สามารถทำลายสุขภาพได้ในหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ระยะเวลาที่สัมผัส และวิธีที่ร่างกายได้รับแก๊สเข้าไป โดยอันตรายหลัก ๆ มีดังนี้ 

1. ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ หากสูดดมในปริมาณน้อย อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อจมูก คอ และปอด หากมีความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิด ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หายใจลำบาก ปอดบวมน้ำ อาจเกิดอาการไอ สำลัก แน่นหน้าอก และหายใจติดขัด 

2. ผลกระทบต่อดวงตาและผิวหนังเพราะแอมโมเนียมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง หากสัมผัสกับดวงตาอาจทำให้ตาแดง น้ำตาไหล เจ็บปวดและรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ โดยเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการ ไหม้ แสบ แดง พุพอง หรือ เป็นแผลลึก 

3. ผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร (หากกลืนกิน) ทำให้เกิดแผลไหม้ในปาก คอ หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร อาจมีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน หรือเลือดออกภายใน

4. ผลกระทบต่อระบบประสาทและร่างกายโดยรวม โดยการสัมผัสแอมโมเนียในระดับสูง อาจทำให้เกิด เวียนหัว ปวดหัว สับสน อ่อนเพลีย หากได้รับในปริมาณที่เป็นพิษ อาจทำให้ หมดสติ ชัก และถึงแก่ชีวิตได้ 

สำหรับข้อควรปฏิบัติเมื่อสัมผัสแอมโมเนียให้ออกห่างจากบริเวณที่มีแก๊สทันที และสูดอากาศบริสุทธิ์ โดยหากสัมผัสผิวหนัง หรือ ดวงตา ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์ทันทีซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี (สสจ.ลพบุรี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่โดยให้โรงพยาบาลในพื้นที่เตรียมสนับสนุนอุปกรณ์และบุคลากรให้พร้อม รวมถึงให้ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในบริเวณใกล้เคียงด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่มีผลกระทบด้านสุขภาพแต่อย่างใด