สปสช. ยกเลิกประกาศ "มะเร็งรักษาทุกที่" ฉบับใหม่แล้วกลับไปใช้ฉบับเดิม

06 ก.พ. 2568 | 15:25 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.พ. 2568 | 15:27 น.

สมศักดิ์ เผย สปสช. ลงนามยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์ "มะเร็งรักษาทุกที่" ฉบับใหม่แล้ว ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใน รพ. ได้เหมือนเดิมโดยไม่ใช้ใบส่งตัว หน่วยบริการสามารถเบิกได้ทั้งค่ารังสีรักษา ยาเคมีบำบัด การผ่าตัด โรคแทรกซ้อนของมะเร็งและโรคอื่นที่คนไข้มะเร็งเป็นร่วม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ได้สั่งการให้ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีการเข้ารับบริการตามนโยบาย "มะเร็งรักษาทุกที่" (Cancer Anywhere) นั้น

ล่าสุดทาง นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. รายงานว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้เรียบร้อยแล้วซึ่ง ณ วันนี้รวมถึงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับบริการตามนโยบายนี้ได้ตามแนวทางบริการเดิมที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวรับรองสิทธิในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากหน่วยบริการประจำ

โดยทาง สปสช. เป็นรับผิดชอบดูแลการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามนโยบายเช่นเดิม หน่วยบริการสามารถเบิกได้ทั้งค่ารังสีรักษา ยาเคมีบำบัด การผ่าตัด โรคแทรกซ้อนของมะเร็ง และโรคอื่นที่คนไข้มะเร็งเป็นร่วม 

สำหรับการส่งข้อมูลผู้ป่วยนั้น มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ TCB Plus ของสถาบันมะเร็ง กรมการแพทย์ และ Health Link ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อใช้ลงทะเบียน รับส่งต่อและดูข้อมูลผู้ป่วยอยู่แล้วโดยทาง รพ.รับส่งต่อสามารถดูข้อมูลผู้ป่วยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวนี้ได้ 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางเลขาธิการ สปสช. ได้ลงนามคำสั่งยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ที่จะบังคับใช้ 1 เม.ย. 68 แล้วซึ่งจะมีผลทำให้กลับไปประกาศหลักเกณฑ์ฯ ฉบับเดิม ปี 2566 -2567 และได้ส่งหนังสือแจ้งเวียนหน่วยบริการทั่วประเทศรับทราบแล้ว 

"รัฐบาลมีความใส่ใจอย่างยิ่งต่อภาวะเจ็บป่วยของประชาชน โดยมะเร็งเป็นโรคที่มีภาวะร้ายแรงต่อสุขภาพ การเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเพิ่มโอกาสการรักษาและลดความรุนแรงของโรค รวมถึงลดการเสียชีวิตลงได้ จึงนำมาสู่นโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ โดยมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งยืนยันว่า ณ วันนี้รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง สปสช. ยังคงยืนยันหลักการนี้เช่นเดิม" รมว.สาธารณสุข กล่าว