“พชร”ชูโมเดลไทยบนเวทีโลก รุมทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

06 มี.ค. 2568 | 11:32 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2568 | 11:41 น.

ยกโมเดลความสำเร็จไทยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สู่บทเรียนสำคัญร่วมกับผู้นำเอเชียและยุโรปบนเวที MWC25 ที่ประเทศเสปน สะท้อนบทบาทกสทช. เชื่อมต่อทุกหน่วยงานและนายกรัฐมนตรีบัญชาการ จนสามารถทลายเครือข่ายข้ามชาติ

นายพชร นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช.กล่าวปาฐกถาพิเศษในเวที MWC25 ที่เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน โดยเป็นการประชุมผู้นำระดับสูง หรือ Ministerial Roundtable เพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีโทรคมนาคมแห่งอนาคต ร่วมกับรัฐมนตรีและผู้บริหารประเทศเอเชียและทวีปยุโรป อาทิ สิงคโปร์ อินเดีย และอินโดนีเซีย ภายใต้หัวข้อ “Break Silos and Advancing a Whole-Government Approach”

นายพชร กล่าวว่า ขณะนี้ทุกประเทศมีความห่วงใยในการก่ออาชญากรรมของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ได้สร้างความเสียหายต่อประชาชนในประเทศ ซึ่งเหยื่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ส่วนมากเป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้หญิง และมีธุรกรรมการเงินที่เข้าถึงง่าย ก็เป็นช่องว่างให้ก่ออาชญากรรมได้ จึงต้องร่วมกันหามาตรการจัดการและลงโทษอย่างเด็ดขาด
 

 

การขับเคลื่อนของประเทศไทย นายพชร กล่าวว่า การทำงานเพื่อปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องต่อสู้กับระบบราชการที่ยังเป็นอุปสรรค การแบ่งปันข้อมูล การจัดหาข้อมูลที่ยากและซ้ำซ้อน รวมถึงระบบการสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่ไม่เป็นเอกภาพ โดยทาง กสทช. ได้พยายามจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่ระดับกระทรวงดีอีเอส, ศูนย์ AOC หรือ Anti Online Scam Operation Center บูรณาการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์, ปปง., แบงก์ชาติ, กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแชร์ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และการเก็บข้อมูลการใช้เครือข่ายไร้สายของอาชญากร

ทั้งนี้ นายพชร ได้รับการยอมรับในฐานะที่ปฎิบัติงานด้านต่อต้านอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 โดยร่วมกับองค์การระหว่างประเทศในการแก้ปัญหาเหยื่อที่ถูกล่อลวงไปทำงานชาวฟิลิปปินส์ มาสัมภาษณ์ถึงโครงข่ายอุปกรณ์ภายในสถานที่ตั้ง KKpark ก่อนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะดำเนินการส่งกลับประเทศ และนำเทคโนโลยีการจับข้อมูลข่าวกรองแบบโอเพ่นซอร์ส OSINT หรือ Open Source Intelligence ที่สามารถระบุถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์นอกเขตพื้นที่ประเทศไทยมาใช้ในการสนับสนุนตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนกลาง ในการหาหลักฐานจับกุมและดำเนินคดี

นายพชร ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของผู้นำประเทศไทย โดยตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาบัญชาการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยตัวเอง การทำงานระหว่างองค์กรหรือหน่วยงานง่ายขึ้น นั่นคือ Top Down Approach และความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานในองค์กรและระหว่างองค์กร หรือ horizontal cross communication ซึ่งต้องทำทั้งสองอย่าง 

"ขณะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ ถือเป็นปัญหาที่ขยายไปสู่ระดับนานาชาติ ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง เน้นย้ำความสำคัญนี้ไปถึงผู้นำประเทศของตนเอง และหา SuperBody ที่จะมาเป็นผู้นำในการบัญชาการและทำลาย silos สถานที่เก็บอุปกรณ์เครือข่ายก่ออาชญากรรมออนไลน์ของแต่ละประเทศ การแบ่งปันทรัพยากรข้อมูลข่าวสารและแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจะเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์นี้ได้" นายพชรระบุ