วันนี้ (24 มกราคม 2568) ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงมาตรการการแก้ปัญหา ฝุ่น PM2.5 ว่า ตอนนี้ มีคำสั่งถึงส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่นตามจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด หากตรวจสอบพบว่าจังหวัดใดที่ยังไม่มีการแก้ปัญหาต้นเหตุฝุ่นละออง PM 2.5 หรือมีจุด HOT SPOT ขึ้นมาก อาจจะต้องย้ายแล้วหาคนอื่นมาทำงานแทน
“ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องดูแลพื้นที่ของท่าน จังหวัดไหน ที่มีจุดแดงขึ้นมาก ๆ มี HOT SPOT โผล่มาเยอะ ๆ อาจจะต้องย้ายท่าน แล้วหาคนอื่นมาทำงานแทน ถ้ามันมีการเผาทั่วไปหมด ก็สะท้อนประสิทธิภาพการทำงานของผู้ว่าฯ แต่ตอนนี้ เราดูในจังหวัดที่ห้ามเผาเป็นหลัก เพราะออกประกาศมาขนาดนี้ ถ้าผู้ว่าฯ ยังละเลย เห็นมีการเผา แต่ยังไม่ดำเนินการ ผู้ว่าฯ ต้องมาหารือกันที่กระทรวงมหาดไทยเท่านั้น” นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ นายอนุทิน ยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้สั่งการโดยตรงไปยังผู้ว่าฯ ให้ไปหาทางจัดการปัญหา หากต้องการความช่วยเหลือ และสนับสนุน สามารถประสานเข้ามาได้ เพราะเข้าใจว่าปัญหาฝุ่นมีความสลับซับซ้อนจากหลายปัจจัย เป็นเรื่องของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน แต่กระทรวงมหาดไทย จะต้องเร่งจัดการในส่วนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
“ตอนนี้ ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ต้องกวดขัน มีกฎหมายอยู่ในมือ ต้องใช้ นี่ไม่ใช่เวลามาขยับมาตรการจากเบาเป็นหนัก แต่ทำผิด ก็ใช้กฎหมายได้เลย ไม่ใช่เวลามานั่งต่อรอง ทั้งนี้ ได้กำหนดเขตห้ามเผาไปแล้ว รับรู้กันในจังหวัด ใครเผา มีบทลงโทษ” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ระบุ
ก่อนหน้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการตรงจากกรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ให้ส่วนราชการทุกส่วนเร่งแก้ไขปัญหาฝุ่นให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งการแก้ไขแบบเร่งด่วนทันที และแผนการระยะสั้น และระยะยาว
พร้อมทั้งมอบหมายให้ รองนายกฯ อนุทิน ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ใช้กลไกตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริหารสถานการณ์ฝุ่นควัน และเร่งจัดตั้งศูนย์ที่ทำหน้าที่สื่อสารให้ข้อมูลกับประชาชน เพื่อให้คำแนะนำด้านการปฏิบัติตัวรวมถึงมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย
ทั้งนี้เพื่อให้การแก้ไขปัญหาฝุ่นมีความต่อเนื่อง ได้ขอให้รองนายกฯ อนุทิน ร่วมกับรองนายกฯ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ กำหนดมาตรการเฉพาะหน้า ที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น ตามมติ ครม. และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งประชุมกันไปเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM 2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผาและให้รายงานสถิติการดำเนินการ