อนุกมธ. แนะกทม.ใช้ไม้แข็ง ปิดแคมป์ก่อสร้าง ลดต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

22 ม.ค. 2568 | 16:54 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2568 | 17:02 น.

คณะอนุ กมธ. ศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ แนะกทม.ปิดแคมป์ก่อสร้าง กดดันรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำ ลดฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ติดตั้งป้ายเตือนในบริเวณสถานที่สาธารณะ

วันนี้ (22 มกราคม 2568) นายเกรียงยศ สุดลาภา ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ ในคณะ กมธ.การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร และคณะ ร่วมกันแถลงผลการพิจารณาการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ

 

อนุกมธ. แนะกทม.ใช้ไม้แข็ง ปิดแคมป์ก่อสร้าง ลดต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

 

ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและรับฟังข้อมูล ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ การจัดทำแผนลดฝุ่นและแผนบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ โดยมีผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งคณะ อนุ กมธ.ได้เสนอกรณีศึกษาการดำเนินการของต่างประเทศเพื่อเป็นต้นแบบให้กรุงเทพฯ พัฒนาวิธีการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ให้เป็นในเชิงรุกมากขึ้น

โดยขอให้กทม. ยึดหลักปฏิบัติเหมือนประเทศเกาหลีใต้ คุณภาพชีวิตของประชาชนยิ่งใหญ่กว่าเงินตราที่เสียไป (The value of human beings is far greater than that of money) พร้อมทั้งคณะอนุ กมธ.ได้มีข้อเสนอแนะให้พิจารณามาตรการ ปิดแคมป์ก่อสร้างเพื่อเป็นการกดดันรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำในทางอ้อม และติดตั้งป้ายเตือนค่าฝุ่น PM 2.5 ในบริเวณสถานที่สาธารณะ เช่น ป้ายรถเมล์ และทางเข้าสวนสาธารณะทุกแห่งเพื่อให้เป็นมาตรการระยะสั้น และสำหรับมาตรการระยะยาวนั้นให้พิจารณากำหนดเขตมลพิษต่ำ “Bangkok Low Emission Zone”

นอกจากการพิจารณาปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครแล้ว คณะอนุ กมธ. ยังได้มีการพิจารณาการดำเนินโครงการก่อสร้างทางยกระดับอ่อนนุช – ลาดกระบัง ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้การดำเนินโครงการยังมีความล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด เนื่องจากมีการปรับแบบของโครงการใหม่

ทั้งนี้ภายหลังเหตุการณ์ทางยกระดับทรุดตัวเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างได้ดำเนินการเยียวยากลุ่มผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เป็นเงินจำนวน 8,280,886 บาท สำหรับกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดำเนินการเยียวยาเสร็จสิ้นแล้ว 356 ราย คงเหลือ 25 ราย ที่อยู่ระหว่างการเจรจา

อีกทั้งคณะ อนุ กมธ. ยังได้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร โรยัลปาร์ควิลล์ ซึ่งเมื่อคณะอนุ กมธ.รับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริงจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว ได้แนะนำให้ผู้ร้องประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารประกอบการยื่นคำขอจัดตั้งนิติบุคคลให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แล้วจึงยื่นคำขอจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรอีกครั้ง 

พร้อมกันนี้ที่คณะอนุ กมธ. ยังได้พิจารณาคือปัญหาที่อยู่อาศัยของข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอาคารสงเคราะห์ไม่เคยได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมทั้งระบบ จึงเป็นเหตุให้โครงสร้างอาคารชำรุดทรุดโทรม ระบบสาธารณูปโภคเสื่อมสภาพ เกิดท่อรั่วท่อแตก ระบบความปลอดภัยใช้การไม่ได้ และมีห้องพักชำรุดไม่สามารถจัดคนเข้าพักอาศัยได้กว่าหนึ่งพันห้อง 

 

อนุกมธ. แนะกทม.ใช้ไม้แข็ง ปิดแคมป์ก่อสร้าง ลดต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

 

ทั้งนี้ หากได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อปรับปรุงอาคารสงเคราะห์ข้าราชการและลูกจ้างประจำของกทม. ให้ครอบคลุมทั้งระบบ จะส่งผลให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงและซ่อมแซมอาคารสงเคราะห์ สามารถนำรายรับไปปรับปรุงและพัฒนาสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้พักอาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว

รวมทั้งยังสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านที่พักอาศัยให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ขึ้นบัญชีรอเข้าพักอาศัยกว่าหนึ่งพันครอบครัว ซึ่งจะเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน มีแรงขับเคลื่อน และมุ่งมั่นในการปฏิบัติราชการให้แก่กรุงเทพมหานครอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป