เตือน!โควิดสิ้นสุดขาลงติดจริง 3.2-5 หมื่นรายต่อวัน น่ากลัวแค่ไหน เช็คเลย

27 มิ.ย. 2565 | 04:11 น.
อัปเดตล่าสุด :27 มิ.ย. 2565 | 06:52 น.
871

เตือน!โควิดสิ้นสุดขาลงติดจริง 3.2-5 หมื่นรายต่อวัน น่ากลัวแค่ไหน เช็คเลยที่นี่มีคำตอบ หลังสถานการณ์ช่วงนี้ดูไม่ดี คนเริ่มถอดหน้ากากกันแล้ว วัคซีนเด็กเล็กยังไม่มี

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า

 

Covid-19 (โควิด-19) : สิ้นสุดขาลง(ชั่วคราว) Update สถานการณ์ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ในวันที่คนถอดหน้ากาก 
และประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron (โอมิครอน) ด้วยสายพันธุ์ BA.4, BA.5

 

สถานการณ์ช่วงนี้ดูไม่ดีนัก และคนเริ่มถอดหน้ากากกันแล้ว วัคซีนเด็กเล็กก็ยังไม่มี จะตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างไรดีสำหรับคนมีลูกเล็กๆ 
คำแนะนำและข้อมูลเบื้องต้น:

 

  • ช่วงนี้ติดเชื้อจริงยังอยู่ที่วันละ 32,000 - 50,000 คน ประมาณ 10 เท่าของตัวเลขประกาศทางการ 

 

  • เด็กๆอายุต่ำกว่า 5 ขวบควรจะใส่หน้ากากและเลี่ยงสถานที่เสี่ยงต่อไปอีก 2-3 เดือน สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา จะต่างกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ คนทั่วไปต้องออกไปใช้ชีวิต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้ประเทศล้มละลาย ยิ่งถอดหน้ากากมาก ยิ่งเกิด Herd Immunity เร็วสำหรับเด็กเล็กครับ ดังนั้นเด็กเล็กๆต้องทำตรงข้ามกับคนอื่นนะครับ ยิ่งเขาหย่อนยานเราต้องยิ่งเข้มงวด แล้วรอเวลา
  • เด็ก 0-9 ปี อัตราการเสียชีวิตถ้าไม่ได้วัคซีนอยู่ที่ประมาณ 0.02% ถ้าได้วัคซีนแล้วอยู่ที่ 0.002% แต่ถ้ารพ.วอร์ดเด็กเต็มก็อันตรายเพิ่มขึ้นนะครับ พ่อแม่ "เหนื่อยและแพง"

 

  • วัคซีนสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไปอนุมัติแล้วใน USA เป็น Pfizer และ Moderna เมื่อ June 17, 2022 อีกไม่นานน่าจะเข้าไทยครับ อดทนนิดนึง

 

  • ประเทศไทยน่าจะมีคนติดเชื้อ Omicron ไปแ้ลวประมาณ 20 - 30 ล้านคน และในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้น่า จะเพิ่มขึ้นอีกจาก Wave ย่อยของ BA.4, BA.5 ตัวเลขน่าจะไปแถว 25 - 35 ล้านคน ช่วงหลังจากนั้นเด็กๆจะปลอดภัยมากขึ้นจาก Herd Immunity

 

โควิดสิ้นสุดขาลงติดจริง 3.2-5 หมื่นรายต่อวัน

 

  • มีการติดเชื้อในโรงเรียนเยอะมากช่วงนี้ สักพักคงติดกันเกือบหมดจนเกิด Herd Immunity ในกลุ่มพี่ๆเพื่อนๆ ช่วงนี้ อยู่บ้าน Home School รอไปเลย อีก 2-3 เดือนพี่ๆเพื่อนๆคงมีภูมิเป็นเกราะป้องกันให้ลูกเราหมดแล้ว 

 

  • ใครมายุมาแหย่ ให้ออกไปเล่นไปใช้ชีวิต ไม่ต้องตามเขานะครับ แยกกันเดิน คิดซะว่าให้พวกเขาและลูกเขาติดเชื้อ เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เป็นเกราะป้องกันให้ลูกเราครับ ใจต้องแข็ง จิตต้องนิ่ง 

 

  • พ่อแม่ออกไปข้างนอกควรใช้หน้ากาก 2 ชั้น และอย่าเพิ่งทานอาหารในร้านติดแอร์
     

แนวโน้มตัวเลข เพื่อประกอบการพิจารณา:

 

  • กราฟ PCR+ ATK สิ้นสุดขาลง ชั่วคราว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างชัดแล้วว่า ขาลงของ Omicron Wave ที่ 1 ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2022 ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลมาก จะเป็นการสิ้นสุดลงชั่วคราวเพื่อเกิด Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron เท่านั้น จากนั้นก็จะเป็นขาลงต่อ เหมือนในต่างประเทศที่เฉพาะ Omicron ปีนี้ก็ปาเข้าไป 3 Wave ย่อยแล้ว ประเทศไทยในแนวโน้มหลักยังคงเป็นขาลงต่อเนื่อง

 

  • กราฟผู้ติดเชื้อจริงคาดการณ์  ขยับขึ้นจาก 27,000 - 40,000 ต่อวันมาเป็น 32,000 - 50,000 ต่อวัน จากเคยสูงสุดช่วงก่อนและหลังสงกรานต์ที่ 180,000 ต่อวัน

 

  • กราฟผู้เสียชีวิตยังคงเป็นขาลง มีโอกาสเห็นผู้เสียชีวิตต่อวัน (เฉพาะ Die from) เป็นเลขตัวเดียวในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน

 

  • ขนาดสูงสุดของ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron มักจะอยู่แถว 30-40% ของ Wave ที่ 1 ส่วนผู้เสียชีวิตมักจะน้อยลงกว่านั้นมาก เช่นตัวอย่างกราฟของ South Africa ประเทศไทยรอบนี้ตัวเลขจึงไม่น่าจะกระดอนขึ้นไปสูงจากตอนนี้มากนัก 

 

  • ยุโรปกำลังเข้า Wave ที่ 3 ของ Omicron แล้ว และ Wave เล็กลงกว่า Wave 2 พอสมควร

 

  • ประเทศที่คุมได้ดี เช่น ไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกิด Wave ย่อยทุกๆ 6 เดือน แต่ในยุโรปถอดหน้ากากมานานแล้ว คุมน้อยมาก เกิด Wave ย่อยทุกๆ 3 เดือน

 

  • ตอนนี้สิงคโปร์กำลังเข้าพีคของ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron แต่น่าจะเบากว่า Wave แรกเยอะ ใครจะไปเที่ยว ไปดูบอล ก็ขอให้ระมัดระวังตามสมควร 

 

พ่อแม่ที่มีลูกเล็กและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ก็ขอให้อดทนรออีกนิด วัคซีนจะมาแล้ว และข้างนอกก็จะถอดหน้ากากแล้ว การระบาดจะเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ในทางนึงก็จะทำให้เกิด Herd Immunity เร็วขึ้น เด็กๆก็จะออกจากบ้านได้เร็วขึ้นด้วย สิ่งที่เราต้องทดไว้ในใจให้มั่นก็คือ

 

  • สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา จะไม่เหมือนกับกลุ่มคนอื่นๆในประเทศ 

 

  • เด็กเล็กอยู่บ้าน เด็กโตและผู้ใหญ่ออกไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้าง Herd Immunity 

 

ปล. สำหรับกลุ่มเสี่ยง ขอให้ทำตัวเหมือนเด็กเล็ก ข้างนอกนั่น ในตอนนี้ยังไม่ได้ปลอดภัยมากนักสำหรับคนที่สุขภาพอ่อนแอ