ปตท. รุก โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ช่วยเด็กกลับสู่ระบบการศึกษากว่า 6 หมื่นราย

05 พ.ค. 2565 | 16:50 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ค. 2565 | 23:50 น.

ปตท. รุก โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ช่วยเด็กกลับสู่ระบบการศึกษากว่า 6 หมื่นราย หลังเยาวชนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รายได้ครัวเรือนลดลง

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยว่า ปตท. ได้ดำเนินการจัดตั้ง โครงการลมหายใจเพื่อน้อง โดยตั้งเป้าหมายมอบทุนการศึกษากว่า 150 ล้านบาท ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. ให้กับเยาวชนจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 (Covid-19) จำนวนกว่า 60,000 คนทั่วประเทศ 

 

ทั้งนี้ จากความตั้งใจของ ปตท. ที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วมในการลดช่องว่างทางการศึกษาดังกล่าว จึงต้องการเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมสร้างโอกาสในกิจกรรม PTT Virtual Run เพื่อแปลงกิจกรรมการเดินหรือวิ่งให้เป็นทุนการศึกษา

 

โดยการเดินหรือวิ่งสะสมระยะทาง ทุก 1 กิโลเมตร มีมูลค่าเท่ากับ 250 บาท โดย 10 กิโลเมตร จะมีมูลค่าเป็นทุนการศึกษาจำนวน 2,500 บาท ซึ่งสามารถพาเยาวชนกลับโรงเรียนได้ 1 คน โดยกิจกรรมจะเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่ 15 พฤษภาคม นี้  

"ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ปตท. ได้ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระภาครัฐจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  และจัดตั้งโครงการลมหายใจเดียวกันขึ้นในปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ระบบสาธารณสุขในการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด อย่างไรก็ดี โควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ของหลายครัวเรือนลดลง เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เด็กนักเรียนจำนวนมาก มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา" 

 

นายไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของประเทศไทย และขนาดประชากรของครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนของสภาพัฒน์ทั้งในและนอกระบบการศึกษา มีอยู่มากกว่า 2 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19 

 

ปตท. รุก โครงการลมหายใจเพื่อน้อง

 

อีกทั้งช่วงชั้นรอยต่อระหว่างปีการศึกษาในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุก ๆ ปี คือช่วงเวลาสำคัญที่จะกำหนดชะตาชีวิตการเรียนต่อของนักเรียนในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย 

ซึ่งก่อนปิดภาคเรียนที่ผ่านมา กสศ. สำรวจพบว่ามีนักเรียนในครัวเรือนยากจนพิเศษช่วงชั้นรอยต่อจำนวนราว 60,000 คน ที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบ ซึ่งการหลุดออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควรจะทำให้ติดอยู่ในกับดักความยากจน

 

และมีโอกาสสูงมากที่ความยากจนจากรุ่นพ่อแม่จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า ปัญหาความยากจนข้ามชั่วคน (Intergenerational Poverty) ที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนาน 
          

 

“คณะกรรมการบริหาร กสศ. มีนโยบายให้สำนักงาน กสศ. มุ่งใช้ฐานข้อมูล ผลงานวิจัย และผลการพัฒนานวัตกรรมต้นแบบการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเหนี่ยวนำทรัพยากรและความร่วมแรงร่วมใจจากหน่วยงานภาคีทุกภาคส่วน ให้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างยั่งยืนตามกลยุทธ์ All for Education” 
          

 

ปตท. และ กสศ. เชื่อมั่นว่าหากเด็กและเยาวชนได้รับโอกาส และสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ เด็กและเยาวชนเหล่านี้จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป