วัคซีนโควิดไทยทำไมฉีดช้าลง หมอนิธิลิสต์ 6 ปัจจัยน่าจะเป็น อะไรบ้าง เช็กเลย

14 ธ.ค. 2564 | 10:19 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2564 | 17:19 น.

วัคซีนโควิดไทยทำไมฉีดช้าลง หมอนิธิลิสต์ 6 ปัจจัยน่าจะเป็น ชี้นโยบายมีความสับสน ศูนย์ฉีดหลายแห่งปิดตัว ประชาชนไม่ต้องการฉีด

รายงานข่าวระบุว่า ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda โดยระบุข้อความว่า 
อัตราประชาชนที่ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อเทียบกับที่อื่นๆในโลก เริ่มลดลงเรื่อยๆ ทั้งๆที่จำนวนวัคซีนขณะนี้ว่ากันว่ามีเหลือเฟือในประเทศ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงควรรีบกระตุ้นผลักดันออกแรงกันใหม่ไหมครับ 
เหตุผลที่ได้จากข้อมูลที่มีผมคาดว่าการลดลงของการฉีดวัคซีนน่าจะเกิดจาก
1.นโยบายการใช้และฉีดวัคซีนที่มีหลายๆชนิด มีความสับสน โดยเฉพาะแนวทางการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ประกอบกับข่าวข้อมูลที่สับสนในการแปลผลและใช้ผลตรวจระดับภูมิคุ้มกันในสังคม

2.ศูนย์ฉีดหลายๆ ได้ปิดตัวลง โดยเฉพาะในตัวเมือง ที่กลับต้องเริ่มมีการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ในขณะที่การกระจายฉีดวัคซีนในที่ห่างไกลยังมีปัญหา (ต้องไม่ลืม Omicron หรือโอมิครอน ว่ามันไปซุ่มเกิดและฟักตัวในกลุ่มประชากรที่ห่างไกลแบบนี้ อย่าได้นอนใจ)
3.ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งไม่อยากฉีดวัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนประเภทใหม่ๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลในระยะยาวทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก หน่วยงานที่ควรอธิบายก็ไม่อธิบายให้ชัดเจนและต่อเนื่อง

การลดลงของการฉีดวัคซีนในไทย
4.ขาดนโยบายที่ชัดเจนสำหรับวัคซีนในเด็กวัยเรียน ที่จะต้องเปิดเรียนตามปกติในเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ไม่มีใครเมตตาจริงจัง
5.วัคซีนที่มีเป็นจำนวนมากนั้นอายุใช้งานสั้น กำลังคนระดมฉีดให้ไม่ทัน จึงมีบางกลุ่มที่ใฝ่หาวัคซีนที่มีช่องทางได้รับวัคซีนได้ไปครบถ้วนกว่าบางกลุ่ม เกิดเป็นช่องว่าง (ไว้ให้เชื้อไปกลายพันธุ์ในกลุ่มที่ไม่ได้วัคซีนแล้วรอวันเชื้อมันกลับมาเล่นงานกลุ่มที่ได้วัคซีนไปสมบูรณ์กว่าอีกครั้ง) 
 

6.ข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนได้รับรวดเร็วทันเหตุการณ์ มากกว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายการฉีดวัคซีน และชนิดวัคซีนให้ทันเหตุการณ์ คนจึงไม่มั่นใจทำให้บางคน “รอ”
อาจจะมีเรื่องเหตุผลอื่นๆที่อาจคาดไม่ถึงอีก แต่ตามที่ลิสต์มานั้น น่าจะเพียงพอให้ทุกๆคนและผู้มีหน้าที่ ปรับตัวและจัดการฉีดวัคซีนให้ได้ทั่วถึงทุกกลุ่มดีขึ้น
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-12 ธ.ค. 64 มีการฉีดวัคซีนสะสมแล้วทั้งหมด 97,403,117 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 49,923,276 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 43,333,522 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 4,146,319 ราย