“เดนทิสเต้” คว้า “ลิซ่า Blackpink” เปิดGlobal Campaignรับตลาดขาขึ้น

14 ก.ย. 2564 | 16:23 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2564 | 23:36 น.
695

เดนทิสเต้ เกาะกะแส #SoloistLisa คว้า “ลิซ่า Blackpink” นั่งแท่น Brand Ambassador คนใหม่ เขย่าตลาดท้ายปี พร้อมเดินเกมรุก Global Campaign ประเดิมปล่อยสินค้ารุ่นลิซ่า Limited Edition 25,000 ชุด เจาะกลุ่ม GEN Z, GEN Y

เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม “เดนทิสเต้” (DENTISTE’) เผยว่า แม้ว่าปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายมากในการทำตลาดท่ามกลางวิกฤตโควิด-19  แต่ภาพรวมผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลช่องปาก หรือออรัลแคร์ มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5 % ต่อปี โดยกลุ่มยาสีฟันระดับพรีเมี่ยมมีสัดส่วนราว 20 % และเดนทิสเต้มีส่วนแบ่งอยู่ใน   เซ็กเมนต์พรีเมี่ยมนี้ 40 %  ซึ่งได้รับอสนิสงส์จากโควิดด้วยเช่นกันที่ทำให้คนหันมาดูแลรักษาสุขภาพช่องปากมากขึ้น 

 

โดยพฤติกรรมผู้บริโภคปัจุบัน มีการตัดสินใจใช้จ่ายเงินด้วยอารมณ์มากขึ้นถึง 90%และใช้เหตุผลในการตัดสินใจเพียง 10% เดนทิสเต้ จึงเลือกใช้ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า Blackpink ซึ่งเพิ่งออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "LISA SOLO" และสร้างกระแสหลังจากปล่อยภาพออกมาเพียงไม่นาน แฮชแท็ก #SoloistLisa ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของโลกและติดอันดับ 1 ใน 7 ประเทศทั่วโลก  มาเป็น Brand Ambassador คนใหม่ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากในกลุ่ม GEN Z, GEN Y  สำหรับสินค้านวัตกรรมใหม่ DENTISTE’ Anticavity Max Fluoride  ซึ่งในทางทันตกรรม     การแปรงฟันแห้งถือว่าเป็นการเคลือบฟลูออไรด์ที่ดีที่สุด  ดังนั้นการเลือก ลิซ่า เพื่อให้ ลิซ่า เปลี่ยนพฤติกรรมการแปรงฟันโดยการบ้วนน้ำให้เป็นการแปรงฟันแห้ง 

 

การได้ลิซ่ามาร่วมงานในครั้งนี้ เดนทิสเต้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด 3% โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้า GEN Z และ GEN Y ให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อป้องกัน ฟันผุ และปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของ   เดนทิสเต้ คือกลุ่ม GEN X และ GEN Y ต้น ๆ 

 

“การจะได้ลิซ่ามาเป็น Brand Ambassador ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ YG Entertainment ใส่ใจและพิถีพิถันมากในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับศิลปิน ซึ่ง เดนทิสเต้ ได้รับเลือกจากทาง YG Entertainment จากคุณภาพของสินค้า ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดี อีกทั้งลิซ่าเคยใช้ผลิตภัณฑ์ของเดนทิสเต้และสนใจอยากเป็น Brand Ambassador ทุกอย่างจึงลงตัว เพราะเรามั่นใจในความสำเร็จของลิซ่า การที่เธอสามารถที่จะสื่อสารด้วยความมั่นใจและมีโมเม้นที่ดีตลอดเวลาเป็นพรสวรรค์ที่ลิซ่าฝึกฝนใช้ความพยายาม 

 

ซึ่งก่อนออกแคมเปญทางบริษัทได้ส่งส่งสินค้าไปให้ลิซ่าทดลองให้ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลิซ่า นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีมากที่จะต่อยอดผลิตภัณฑ์ในหลาย ๆ ประเทศ ตอกย้ำความเป็น Global Brand มากขึ้น” 

สำหรับแคมเปญการตลาดหลังจากนี้ บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ DENTISTE’ Anticavity Max Fluoride รุ่นลิซ่าที่มีตัวด้ามสีชมพู และ ชุดยาสีฟันแปรงสีฟัน Limited Edition ใน Pocket Pro สีชมพู  ขึ้นมาเป็นพิเศษด้วยเพื่อต้อนรับพรีเซนต์เตอร์คนใหม่ของแบรนด์ เพียง 25,000 ชุดเท่านั้น และจำหน่ายเพียง 4 วันเท่านั้น 

 

และในอนาคตตามแพลนที่วางไว้ จะมีกิจกรรมการตลาดร่วมกับลิซ่าในประเทศไทยผ่านอีเว้นท์ต่างๆ ในช่วงเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน ปี2565 แต่หากสถานการณ์โควิดยังน่าเป็นห่วง รูปแบบกิจกรรมอาจต้องปรับเปลี่ยนเป็นวิชวลหรือออนไลน์แทน  ซึ่งปัจุบันบริษัทยังสามารถใช้ ลิซ่า ในการทำการตลาดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นและยังอยู่ในช่วงพูดคุยเพื่อใช้ ลิซ่า ในการทำการตลาดในต่างประเทศอีกด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีการแจกผลิตภัณฑ์เป็น people marketing จำนวน 1ล้านหลอด พร้อมกับโปสเตอร์รุ่นพิเศษจำนวน 5000 ชุดสำหรับคลินิกหรือร้านทำฟันทั่วประเทศ 

 

นอกจาก ยาสีฟันแบบแปรงแห้งแล้วในปีที่ผ่านมา บริษัทยังออกผลิตภัณฑ์ยาสีฟันและดูแลช่องปากหลายรายการ เช่น        กลุ่มผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร ซึ่งได้รับการตอบที่ดีมากในช่วงสถานการณ์โควิด เพราะมีสารช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อโควิดได้ นอกจากประเทศไทยยังได้ส่งออกไปยังต่างประเทส อาทิ ญี่ปุ่น,เกาหลีและสิงคโปร์ เป็นต้น 

 

สำหรับปีนี้ บริษัทได้วางงบการตลาดไว้ที่ราวๆ100-300 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์50% ซึ่งต้องอาศัยการตอกย้ำคอนเทนต์ซ้ำๆเพื่อให้เกิดกะแสตลอดเวลา  และออฟไลน์50% โดยให้น้ำหนักกับสื่อนอกบ้านและสนามบินซึ่งเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก 

 

สำหรับตลาดต่างประเทศ บริษัทตั้งเป้าขยายตลาดยุโรป-อเมริกา ซึ่งต้องมีเรื่องของมาตราฐานยุโรปหรือ CE เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทได้วางแผนเข้าไปใช้ฐานการผลิตในเยอรมันและควบรวมกับในลอนดอนเพื่อจำหน่ายผ่านAmazon ซึ่งปัจุบันบริษัทได้ผลิตและส่งออกกว่า 20 ประเทศทั่วโลก