เปิดผลวิจัยความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 จากการนั่งกินอาหารที่ร้าน

25 ส.ค. 2564 | 08:33 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ส.ค. 2564 | 19:04 น.
1.3 k

หมอธีระเปิดผลวิจัยความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 จากการนั่งกินอาหารที่ร้านในต่างประเทศ ชี้สถานการณ์ของไทยยังมีการระบาดกระจายไปทั่วต่อเนื่องไม่สามารถตัดวงจรการรระบาดได้

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 25 สิงหาคม 2564 กำลังจะแตะ 214 ล้าน เมื่อวานตายเพิ่มกว่าหมื่นคน
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 640,253 คน รวมแล้วตอนนี้ 213,934,774 คน ตายเพิ่มอีก 10,163 คน ยอดตายรวม 4,463,654 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อเมริกา อินเดีย อิหร่าน บราซิล และสหราชอาณาจักร  
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 141,307 คน รวม 38,960,922 คน ตายเพิ่ม 1,099 คน ยอดเสียชีวิตรวม 648,089 คน อัตราตาย 1.7% 
อินเดีย ติดเพิ่ม 51,016 คน รวม 32,511,370 คน ตายเพิ่ม 737 คน ยอดเสียชีวิตรวม 435,788 คน อัตราตาย 1.3% 
บราซิล ติดเพิ่ม 31,014 คน รวม 20,615,008 คน ตายเพิ่ม 885 คน ยอดเสียชีวิตรวม 575,829 คน อัตราตาย 2.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 18,833 คน รวม 6,785,374 คน ตายเพิ่ม 794 คน ยอดเสียชีวิตรวม 177,614 คน อัตราตาย 2.6% 
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 24,853 คน ยอดรวม 6,649,630 คน ตายเพิ่ม 153 คน ยอดเสียชีวิตรวม 113,572 คน อัตราตาย 1.7%
อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และสเปน ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น 
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 88.03 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน 
แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง 
เวียดนามติดเพิ่มเกินหมื่นเหมือนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น
ส่วนเมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
หมอธีระ ระบุอีกว่า นโยบายและมาตรการที่ดี จะต้องมาจากความรู้ที่ถูกต้อง หากผิดทิศผิดทางก็จะนำไปสู่หายนะ

โควิด-19 ในไทยยังกระจายไปทั่ว
สถานการณ์ของไทยเรานั้น ยังมีการระบาดกระจายไปทั่ว อย่างต่อเนื่อง โดยไม่สามารถตัดวงจรการรระบาดได้
ศึกที่รุนแรง ยาวนานยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชน และพอถึงจุดหนึ่งก็จะไม่สามารถยืนระยะได้ โดยฉากที่โหดสุดและไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยคงเป็นการที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการเยียวยา และยอมจำนนจนต้องปล่อยให้ดำเนินชีวิตกันไป ในกรณีดังกล่าวนั้นจะไม่สามารถใช่คำสวยหรูแบบ New Normal ได้อีกต่อไป เพราะมันไม่ใช่ภาวะปกติ แต่จะเป็น New Abnormal 

เกี่ยวกับเรื่องการนั่งกินในร้านอาหาร มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อย ที่ระบุให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแพร่เชื้อโรคโควิด-19 
ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ 25 กรกฎาคม 2020 มีเคสที่มีการสอบสวนทางระบาดวิทยาแล้วพบว่าเชื่อมโยงกับการนั่งทานภายในร้านอาหาร ถึง 20 ราย โดยเป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะพันธุกรรมและการกลายพันธุ์ตำแหน่งเดียวกันทั้งหมด
ในขณะที่ประเทศอเมริกา มีการศึกษาตั้งแต่มีนาคมถึงธันวาคม 2020 พบว่าการประกาศนโยบายให้นั่งกินในร้านอาหารได้นั้น จะสัมพันธ์กับการเพิ่มจำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวัน โดยจะส่งผลให้เห็นภายใน 41-100 วัน และสัมพันธ์กับจำนวนการเสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้นด้วย โดยจะเห็นผลภายใน 61-100 วัน 
นอกจากนี้ การวิจัยในประเทศจีน สำรวจร้านอาหารติดแอร์ซึ่งมีเหตุการณ์แพร่เชื้อติดเชื้อในลูกค้าที่มารับประทานอาหารจำนวนทั้งสิ้น 10 คน
พบว่าแม้จะนั่งห่างกันถึง 4.6 เมตร แต่มีการติดเชื้อแพร่เชื้อได้ โดยน่าจะมาจากการระบายอากาศที่ไม่ดี และลมที่เป่าจากแอร์ที่นำพาเชื้อให้แพร่ไปได้ระยะไกล หรือที่เรียกว่าติดเชื้อไวรัสที่ฟุ้งกระจายผ่านทางอากาศ (aerosol transmission/airborne transmission)
และสุดท้ายแล้ว หากนโยบายและมาตรการต่างๆ ได้รับการประกาศมาใช้แบบผิดทิศผิดทาง ก็คงหนีไม่พ้นประชาชนแต่ละคนที่จะต้องมีความรู้เท่าทัน ป้องกันตัวให้รอดพ้นจากโรคโควิด-19 ด้วยตนเอง ไม่ให้ติดเชื้อแล้วเอาไปแพร่ให้คนในครอบครัว หรือคนอื่นในสังคม 
โดยทีมจากไต้หวันทำการวิจัยตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของทัศนคติของแต่ละคน อุปนิสัยพื้นฐาน และความยับยั้งชั่งใจ จะมีผลต่อพฤติกรรมที่เราประพฤติปฏิบัติ หากเปิด แต่รู้ว่าสถานการณ์ระบาดรุนแรงกระจายไปทั่ว แล้วยังตัดสินใจไปสัมผัสกับความเสี่ยงหรือไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการติดเชื้อ และแพร่ต่อไปตามลำดับ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ขอให้ประชาชนอย่างพวกเราทุกคน มีความรู้เท่าทัน ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นแสงส่องทางเพื่อชี้นำการตัดสินใจของเราด้วยหลักเหตุและผล
ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบกิจการร้านอาหารก็ควรทราบความรู้ต่างๆ ข้างต้น เพื่อนำไปหาทางประยุกต์ใช้เพื่อป้องกันตนเอง บุคลากรในร้าน และลูกค้า ให้เกิดความปลอดภัย จะได้ไม่เกิดการติดเชื้อแพร่เชื้อ
และอย่าลืมใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก
สำหรับประเด็นเรื่องการคลายล็อกดาวน์นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ ทีมโฆษกรัฐบาล ซึ่งจัดรายการ "แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล" โดยตอนหนึ่งระบุถึงการเตรียมผ่อนคลายล็อกดาวน์ หลังสถานการณ์การติดเชื้อโควิดและการรักษาผู้ป่วยแนมโน้มดีขึ้น 
โดย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กล่าวในประเด็นนี้ กรณีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง ว่า ขณะนี้ยอดติดเชื้อเริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มลดลง โดยตั้งแต่วันที่ 21-23 ส.ค. 2564 ลดลงจาก 2 หมื่นราย อยู่ที่ 1.7 หมื่นราย  และยังมีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านวันละ 2 หมื่นรายเกือบทุกวัน 
"ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ก็คาดว่าจะมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ในช่วงต้นเดือนกันยายนแน่นอน." 
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19)ในประเทศไทย วันที่ 25 สิงหาคม 64 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานพบ ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวม 18,417 ราย มาจาก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,271 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 146 ราย  ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 1,073,505 ราย  เสียชีวิตเพิ่ม 297 ราย หายป่วยกลับบ้าน 21,186 ราย กำลังรักษา 189,268 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 875,589 ราย