SET รับแรงซื้อขายขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ เผยเดือนก.พ. ดัชนีร่วง 14%

12 มี.ค. 2568 | 16:39 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มี.ค. 2568 | 16:39 น.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับดัชนีหุ้นไทยผันผวนหนัก ทำตลาดหุ้นไทยเข้าโหมดเปราะบาง เผยสิ้นเดือนก.พ. ดัชนีดิ่ง 14% มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 5.2 หมื่นล้าน

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ความผันผวนตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้น ไม่ใช่เพียงตลาดหุ้นไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ปัจจัยหลักๆ ยังคงเป็นผลมาจากการงัดข้อกันของประเทศยักษ์ใหญ่ ทำให้เกิดความกังวลต่อนโยบายของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

โดยทรัมป์ยืนยันเดินหน้าเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 20% แคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 68 ซึ่งสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 68

นอกจากนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเงินเฟ้อในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ลงทุนสหรัฐฯ เพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดสะท้อนภาวะตลาดเข้าสู่ภาวะ Risk Off ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงจากสิ้นปีก่อนหน้าถึง 1.4% หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาหลายปี อย่างไรก็ดี ก็ยังมีหลายตลาดหุ้นที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีความเสี่ยงน้อยจากนโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงมีปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นเฉพาะตัวและมี Valuation ที่ไม่สูง

"ตลาดหุ้นไทยก็เหมือนเรือเล็กที่กำลังเผชิญกับคลื่นใหญ่ การผันผวนไปตามคลื่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อว่าในวันนี้ SET Index ปรับตัวลงมาต่ำมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว การซื้อขายถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์เป็นหลัก นักลงทุนค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ทำให้ตลาดหุ้นไทยยิ่งเปราะบาง"

ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนก.พ.68

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนก.พ. 68 SET Index อยู่ในช่วงปรับฐาน ซึ่งลดลงกว่า 17.9% จากระดับสูงสุดในรอบนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแนวโน้มในอดีต และหากพิจารณามูลค่าพื้นฐานของตลาดพบว่าระดับ P/E อยู่ที่ 12.5 - 16.6เท่า และ P/BV เพียง 1.2 - 1.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบการปรับฐานครั้งก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ

โดยการปรับฐานของตลาดในรอบนี้หุ้นที่ปรับตัวลดลงมากส่วนใหญ่มาจากกลุ่มหุ้นที่มี P/E Ratio สูง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนพยายามออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ SET Index โดยเน้นด้านการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง การจำกัดความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงมีปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นโดยเฉพาะการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่และส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของ บจ. และยกระดับ CG

ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนก.พ. 68

ทั้งนี้ ภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือน ก.พ. 68 SET Index ปิดที่ 1,203.72 จุด ลดลง 8.4% จากสิ้นเดือนม.ค. 68 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนก.พ. 68 SET Index ปรับลดลง 14.0% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 67 ได้แก่ กลุ่มการเงิน กลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 52,041 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด ห้าเดือนต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายในตลาด mai จำนวน 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง (MOTHER)   

ในแง่ของ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนก.พ. 68 อยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.3 เท่าและ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 15.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.2 เท่า โดนมีอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 4.03% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.27%

สำหรับภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนก.พ. 68 นั้น ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 485,359 สัญญา เพิ่มขึ้น 24.0% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futuresทำให้ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 434,992 สัญญา ลดลง 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Gold Online Futures