BPP ยิ้มรับดีมานด์ใช้ไฟสหรัฐฯ พุ่ง ปักธง EBITDA ปี 68 โต 20%

12 มี.ค. 2568 | 14:01 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มี.ค. 2568 | 14:01 น.

BPP กางแผนงานปี 68 ดัน EBITDA เติบโต 20% มองดีมานด์ไฟฟ้าสหรัฐฯ ขยายตัวสูง พร้อมอัดงบราว 400 ล้านดอลลาร์ ต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้า เน้นขยายฐานในสหรัฐฯ และจีน

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 68 บริษัทยังคาดหวังการเติบโต กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไว้ที่ประมาณ 20% ต่อเนื่องจากปีก่อน

ปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาซื้อขายไฟฟ้า ที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นสอดรับกับเทรนด์เทคโนโลยีพลังงานและความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทฯ สามารถเดินเครื่องเพื่อส่งมอบพลังงานและรับรู้รายได้อย่างได้ต่อเนื่อง จากธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ II ในรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ

โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นนั้น มีแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 15-17% ภายในปี 73 จากการลงทุน Data Center โดยเฉพาะในรัฐเท็กซัส ที่มีการเติบโตของ Data Center ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ 

BPP เทรนด์พลังงานโลก

นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลกลางในสหรัฐฯ ส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตนอกชายฝั่ง และการขยายการผลิตในประเทศ การใช้ไฟฟ้าต่อปี 13,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) และการเพิ่มโรงงานผลิตบนบกมากกว่า 150 แห่ง ที่ขับเคลื่อนโดยอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ใหม่ๆ เช่น ภาคเซมิคอนดักเตอร์ โดยคาดว่าครึ่งหนึ่งจะเปิดใช้งานได้ภายในปี 68

แม้ราคาซื้อขายไฟฟ้าเฉลี่ยปี 67 ปรับตัวลดลงจากอุณหภูมิและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่เชื่อว่าในปี 68 นี้ จากการวางแผยเตรียมพร้อมในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา (Hedging Risk Management) ไว้แล้ว ด้วยการใช้เครื่องมือทางการเงิน (Financial Derivative) จะช่วยลดความเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญได้อีกแรงหนึ่ง

โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I

พร้อมกันนี้ บริษัทยังเห็นโอกาสการสร้างรายได้เพิ่มเติมของธุรกิจในประเทศจีน จากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอน (CEAs) ของโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกประมาณ 2.9 แสนตัน ซึ่งคาดว่าในปี 68 จะสามารถสร้างรายได้จากการขายสิทธิดังกล่าวเข้ามาได้เพิ่ม

ส่วนประเทศไทยนั้น แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีกระแสข่าวเรื่องนโยบายการลดค่าไฟฟ้า บริษัทมองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อ BPP เนื่องจากสัญญาขายไฟในปัจจุบันเป็นการขายให้กับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อยู่แล้ว และเป็นสัญญาระยะยาว

ขณะที่การใช้เงินลงทุนภายในปี 6 ข้างหน้า (68-73) เบื้องต้นวางไว้ที่ประมาณ 1,000 - 1,500 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซ (GFP) 60% และพลังงานสะอาด (Renewables) 40% เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในแง่ของ EBITDA คาดว่าในปี 73 จะมีสัดส่วนผลงานมาจากจากสินทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภาย (Greener assets) กว่า 65%

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP

อย่างไรก็ตาม ในปี 68 บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุน 200 - 400 ล้านดอลลาร์ โดยมุ่งเน้นที่การขยายโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ เพื่อสู่เป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่จากก๊าซธรรมชาติอีก 1,500 เมกะวัตต์ (MW) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 300 MW

"ในตอนนี้เรายังคงมีความสนใจในการขยายการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในฐานประเทศที่เรามีการลงทุนอยู่แล้ว เช่น สหรัฐฯ จีน เวียดนาม ซึ่งเบื้องต้นก็มีการศึกษาและเจรจาอยู่บ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุความชัดเจนได้ว่าดีลจะจบได้หรือไม่"