กูรูมองตลาดหุ้นสัปดาห์ที่ 3-7 มี.ค. 68 Downside จำกัด ชี้ รัฐดึง ThaiESG X หนุน

02 มี.ค. 2568 | 17:30 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มี.ค. 2568 | 17:31 น.

บล.พาย คาดตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า ช่วงระหว่างวันที่ 3-7 มี.ค. 68 SET Index ไม่น่าต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน มองรัฐบาลประกาศนำกองทุน LTF เดิมเปลี่ยนเป็น ThaiESG X ชะลอแรงขายนักลงทุนสถาบัน ชี้ที่ผ่านมาตลาดซึมซัมข่าวร้ายไปพอคววรแล้ว

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในสัปดาห์นี้ 3-7 มี.ค. 68 คาดการณ์ว่าการปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ไม่น่าต่ำกว่าในสัปดาห์ก่อน (24-28 ก.พ. 68)

เนื่องจากว่ารัฐบาลได้ประกาศนำกองทุน LTF เดิมเปลี่ยนไปเป็น ThaiESG X ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอแรงขายของนักลงทุนสถาบัน โดยผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมสามารถชี้แจงจุดประสงค์ในการเปลี่ยนกองทุน ซึ่งหุ้นที่กองทุน LTF ส่วนใหญ่ถือครองมักเป็นหุ้นขนาดใหญ่จึงน่าจะชะลอแรงขายได้อย่างมีนัยยะกับ SET INDEX

ประกอบกับในวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones บวก 1.4% ทำให้คาดว่าน่าจะเป็นอีกปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยได้ นอกจากนี้ มองว่าที่ผ่านมาก็ถือว่าตลาดหุ้นไทยได้ Price In แรงกดดันต่างๆ ไปค่อนข้างมากพอสมควรแล้ว ดังนั้นจึงมองว่า SET Index ไม่น่าหลุดโลวเดิมที่ 1,186 จุด

อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา 24-28 เดือนก.พ. 68 โดยตลอดการซื้อขาย 5 วันทำการ พบว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงไปแล้วหว่า 38.78 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -3.12% มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยของ 5 วันทำการอยู่ที่ 5.71 หมื่นล้านบาท

มูลค่าการซื้อขายตามประเภทนักลงทุนในช่วง24-28 เดือนก.พ. 68 นั้น พบว่า กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศและนักลงทุนสถาบัน มีสถานะซื้อสุทธิ รวม 12,657.79 ล้านบาท แบ่งเป็น 11,687.33 ล้านบาท และ 960.46 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มีสถานะขายสุทธิ รวม 12,657.78 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,231.76 ล้านบาท และ 2,426.02 ล้านบาท ตามลำดับ

แม้ว่ากลางสัปดาห์จะมีข่าวเซอร์ไพรส์ กนง. ปรัลลดดอกเบี้ยลง 0.25%  เป็น 2.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่ชัดเจนขึ้น เป็นเรื่องที่สร้างแรงเซอร์ไพรส์ให้กับตลาดหุ้นไทยเด้งกลับมาบวกได้ 25 จุด

แต่ปลายสัปดาห์ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่อาจจะรุนแรงขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศที่จะเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ในวันที่ 4 มี.ค. 68 รวมถึงความกังวลว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจาก MSCI Rebalance ซึ่งเป็นไปนทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาค เช่น Nikkei, Hang Seng และ KOSPI