หมอระวีวัฒน์ ยันไม่เคยนำหุ้นวางมาร์จิ้น พื้นฐานธุรกิจยังแกร่ง

16 ม.ค. 2568 | 17:54 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ม.ค. 2568 | 17:59 น.

หมอระวีวัฒน์ ยันไม่เคยนำหุ้นไปวางมาร์จิน ย้ำการขายบิ๊กล็อตจำนวน 11.37 ล้านหุ้น เป็นการขายให้กับกองทุนต่างประเทศหวังเพิ่ม free float หลังระดมทุนเข้า SET

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า ได้ถือหุ้นในนามของตนเอง และบริษัท In Glory Investments Limited (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ MASTER) ที่ตนถือหุ้นอยู่ 100% โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 179.11 ล้านหุ้น คิดเป็น 59.37%

โดยการขายบิ๊กล็อตในครั้งนี้ จำนวน 11.37 ล้านหุ้นนั้น เป็นการขายให้กับกองทุนต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่ม free float หลังจาก MASTER เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ส่งผลให้หุ้นในมือปัจจุบันคงเหลือ 167.74 ล้านหุ้น คิดเป็น 55.59%

"ปัจจุบันตนยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ยืนยันว่าไม่เคยนำหุ้นไปวางมาร์จิน ยังถือหุ้นใหญ่เหมือนเดิม และยืนยันธุรกิจของบริษัทไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่งและไม่เปลี่ยนแปลง การดำเนินธุรกิจยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนและผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นมาโดยตลอด"

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า บริษัทฯ คาดผลดำเนินงานไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น ถือเป็นช่วงสำคัญที่จะผลักดันทั้งรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัท เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจศัลยกรรมและความงาม โดยเฉพาะช่วงปลายปีเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าส่วนใหญ่เตรียมความพร้อมสำหรับปีใหม่

ปัจจัยดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนต่อความต้องการทำศัลยกรรม หรือบริการเสริมความงามเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักปรับลุค เพื่อเตรียมตัวสำหรับปีใหม่ถือเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ ส่งผลให้ความต้องการและยอดการให้บริการพุ่งสูงขึ้น 

นอกจากนี้ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากลูกค้าต่างประเทศ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และลูกค้าต่างชาติที่เดินทางมาใช้บริการในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากตลาดศักยภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมถึงกลุ่ม MASTER มีการปรับระบบการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่งผลให้ระบบการดำเนินงานหลายด้านมีการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ของการจัดการต้นทุน การให้บริการลูกค้า และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ด้วยปัจจัยเหล่านี้ MASTER จึงมีแนวโน้มสร้างรายได้ที่โดดเด่นในช่วงท้ายปีนี้  และส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มบริษัท

“MASTER มีการเติบโตที่โดดเด่นจากลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างชาติ เป็นที่ยอมรับว่า MASTER ครองตำแหน่งผู้นำด้านธุรกิจศัลยกรรมความงาม ให้บริการครอบคลุมหัตถการยอดนิยม จุดเด่น คือ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงามที่มีประสบการณ์ พร้อมให้บริการลูกค้า ตั้งแต่หัตถการศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมยกคิ้ว ศัลยกรรมปรับโครงหน้า ดูดไขมัน  การดูแลสุขภาพชาย การดูแลผิวพรรณ และการปลูกผม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่ม”

นางสาวลภัสรดา กล่าวเสริมว่า MASTER มองการเติบโตทั้งด้าน Organic และ Inorganic พร้อมด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) ทั้ง Cross Border – Cross Selling และ Cross Synergy ซึ่งภายหลังเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้วนั้น MASTER ได้ขยายการลงทุนด้วยการเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 36-40% ของบริษัทชั้นนำในวงการศัลยกรรมความงาม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจำนวน 15 บริษัท โดยครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้เป็นแรงสนับสนุนการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันของกลุ่มบริษัท และส่งเสริมให้ MASTER ครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดศัลยกรรมและแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น 

โบรกชี้ Q4/67 โตแกร่ง

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MASTER ไตรมาส 4/67 ปัจจัยหนุนแกร่ง โดยคาดผลประกอบการได้รับปัจจัยหนุนจากช่วง High Season ของธุรกิจ ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้าต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับปีใหม่ ทำให้ความต้องการใช้บริการสูงขึ้น ประกอบกับลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะจากภูมิภาคอาเซียนเดินทางมาใช้บริการในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ทางฝ่ายวิเคราะห์คาดปัจจัยหนุนดังกล่าวจะช่วยหนุนการเติบโตของงบไตรมาส 4/67

สำหรับปี 68 คาดจะมีส่วนแบ่งกำไรหนุน ซึ่งทางฝ่ายวิเคราะห์คาดปี 68 ยังมีแนวโน้มการเติบโตทั้งจากส่วนของบริษัทเอง รวมไปถึงการเปิดดำเนินการบริษัท Partner ที่จะได้รับส่วนแบ่งกำไรเข้ามาหนุน โดยคาดส่วนแบ่งกำไรปี 68 ที่ 80-100 ล้านบาท เทียบกับส่วนแบ่งกำไร 9 เดือนที่ 27 ล้านบาท

ราคาหุ้นลด 8 บาท

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ปิดตลาดวันนี้ 16 ม.ค.68 อยู่ที่ระดับ 32.25 บาท ลดลง 8.00 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 19.88% จากปิดตลาดก่อนหน้าที่ 40.25 บาท ในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นดีดตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 36.25 บาท และย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 28.25 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 2,759.81 ล้านบาท

ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงอย่างร้อนแรงในวันนี้เป็นผลมาจากรายการบิ๊กล็อตจำนวน 11 ล้านหุ้น ซึ่งข้อตกลงของราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาตลาด เป็นผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง และสร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุนรายย่อย

ข้อมูลผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 20 มี.ค.67)

  1. นายระวีวัฒน์ มาศฉมาดล จำนวน 129,937,368 หุ้น หรือ 49.22%
  2. IN GLORY INVESTMENTS LIMITED จำนวน 44,000,000 หุ้น หรือ 16.67%
  3. นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี จำนวน 6,609,870 หุ้น หรือ 2.50%
  4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 5,577,171 หุ้น หรือ 2.11%
  5. นางสาวภาสิตา ลี้สกุล จำนวน 5,500,132 หุ้น หรือ 2.08%
  6. นายปรีชา ส่งวัฒนา จำนวน 4,903,937 หุ้น หรือ 1.86%
  7. นายคเชนทร์ เบญจกุล จำนวน 4,651,000 หุ้น หรือ 1.76%
  8. นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ จำนวน 3,940,000 หุ้น หรือ 1.49%
  9. นายสุระ คณิตทวีกุล จำนวน 3,096,550 หุ้น หรือ 1.17%
  10. นายไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา จำนวน 3,024,080 หุ้น หรือ 1.15%