นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่า "ทองคำ" ว่า ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้นและมีทีท่าจะยังไม่ยุติในเร็วนี้ ปัจจัยดังกล่าวคือแรงขับเคลื่อนให้นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันเข้าหาสินทรัพย์ เช่น ทองคำ เพิ่มเติม
โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมานี้ ราคาทองคำปรับขึ้นมาใกล้ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 11% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ทองคำยังมีคุณสมบัติป้องกันเงินเฟ้อระยะยาวแต่หากมองข้อเสียของทองคำแล้ว เราแบ่งแยกองค์ประกอบดังต่อไปนี้
ทองคำแม้จะป้องกันเงินเฟ้อระยะยาวแต่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีเงินปันผลเหมือนเช่น หุ้น หรือ REITs เพราะฉะนั้นทองคำอาจป้องกันความเสี่ยงไม่ได้ครบถ้วนโดยสมบูรณ์
ราคาทองคำเมื่อปรับขึ้นแรงมักจะมีแรงขายออกมาทำให้ราคาทองคำผันผวนชั่วคราว เหตุเพราะว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ไม่สามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริง ซ้ำยังมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลซึ่งโดยธรรมชาติผลตอบแทนพันธบัตรเดาทางได้ค่อนข้างยากซึ่งขึ้นลงตามสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และดอกเบี้ย
ทองคำแท่งมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษานอกจากนี้แล้วทองคำยังมีข้อจำกัดอื่นๆ อีก เช่น สินค้าทดแทนในการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่มีคุณสมบัติดีกว่าทดแทนทองคำ เช่นทองแดงที่มีต้นทุนต่ำกว่าทองคำ ทำให้ทองแดงมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมตลอดหลายสิบปี
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อทองคำในปี 2568 นี้ และมองว่าระยะยาวทองคำยังโดดเด่น ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ปกป้องความเสี่ยงรวมทั้งนักลงทุนเข้าหาทองคำเพิ่มขึ้นในปีนี้ท่ามกลางธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกมีท่าทีเพิ่มสัดส่วนทองคำในการสำรองต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ราคาทองคำมีโอกาสขึ้นมาระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ระยะสั้นอาจผันผวนบ้างแต่มองว่าระยะยาว ปัจจัยต่างๆ ยังเอื้อหนุนให้กับทองคำ ซึ่งหากมองที่ปัจจัยบวกพบว่าการมีทองคำในพอร์ทลงทุนนับเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างดีสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอน