Deepseek กดดันหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ไทยระยะสั้น ชู DELTA ผลงานยังแกร่ง

29 ม.ค. 2568 | 16:11 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2568 | 16:12 น.

กระแส AI Application จากประเทศจีน "Deepseek" เขย่าขวัญหุ้นอิเล็คทรอนิกส์ โบรกมองกดดันเพียงระยะสั้น AI ยังเป็นเทรนโลก ชู DELTA ผลงานไตรมาส 4/67 เด่น ยอดขายโตดีทั้งเทียบปีก่อนและไตรมาสก่อน

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า จากกระแสข่าว AI Application จากประเทศจีน "Deepseek" มองว่ามีผลกดดันหน้าหุ้นเกี่ยวเนื่องกับผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงในระยะสั้นๆ เท่านั้น จะเห็นได้ว่าในวันนี้ราคาหุ้น DELTA กลับมาอยู่ในแดนบวกเล็กๆ ได้แล้ว

แม้ว่า Deepseek จะออกมาโชว์ว่า ระบบการประมวลผลนั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผลสูง ทำให้ต้นทุนพัฒนาต่ำกว่า แต่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลออกมาว่า ในการประมวลผลของ Deepseek นั้น ใช้ Chipset น้อยกว่าเมื่อเทียบกับรายอื่นๆ น้อยกว่าแค่ไหน

และต้องยอมรับว่าความน่าเชื่อถือจากการพัฒนา AI ของฝั่งจีนอาจมีความน่าเชื่อถือน้อยหน่อย ดังนั้นจึงตอบได้ยากว่าจะทำให้ภาพรวมการใช้ CPU ที่ใช้ประมวลผลจอนั้นลดน้อยลงในอนาคต โดยประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความกังวลใจต่อหุ้น Semiconductor จึงเห็นได้ว่าทั้ง DELTA และ CCET ปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ในระยะกลางและยาวมองว่าเป็นปัจจัยเชิงบวก เชื่อว่าการพัฒนาในอนาคตยังมีอีกมาก เนื่องจาก AI เป็นเทรนโลก การแข่งขันโดยเฉพาะผู้ประกอบการต้นน้ำมีแน่ แต่กลุ่มกลางน้ำ และต้นน้ำ ผู้นำเอาเทคโนโลยี AI ไปใช้ต่อในอนาคตจะมีต้นทุนที่ถูกลง เช่น หุ้น BBIK เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มองว่าการย่อตัวลงของราคาหุ้น DELTA และ CCET เป็นจังหวะที่ดีในการสะสมเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของ DELTA ในไตรมาส 4/67 จะออกมาดีทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า วัดจากการรายงานยอดขายรายเดือนในไตรมาส 4/67 ที่ออกมาค่อนข้างดีทุกเดือน อีกทั้งด้วยบริษัทแม่ที่ไต้หวันมีการบริหารจัดการคำสั่งซื้อได้ค่อนข้างดี ทำให้มองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะยังดีได้ต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี เผยมุมมองต่อ กระแสข่าว AI Application จากประเทศจีน "Deepseek" ว่า AI Application "Deepseek" ที่ทำงานได้ใกล้เคียงผู้นำตลาด โดยไม่จำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผลสูง ทำให้ต้นทุนพัฒนาต่ำกว่า โดยรวมประเมินนำมาสู่โอกาสเห็นภาพ AI Adoption ทั่วโลกเร่งขึ้น แต่สร้างความเสี่ยงหุ้น Semiconductor โลกที่จำหน่ายชิปประมวลผลระดับสูงที่อาจมีผลกระทบต่อยอดขาย

ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าน่าจะเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย ทำให้เกิดภาพชะลอลงทุนระยะสั้น อย่างไรก็ดี ประเมินผลกระทบ 2 ส่วน

  1. กลุ่มชิ้นส่วนมองผลกระทบต่อผลประกอบการคาดจำกัด เพราะบริษัทชิ้นส่วนไทยไม่ได้มีสินค้าหรือรายได้ชิปประมวลผลสูง อาทิ กรณี DELTA เน้นจำหน่าย Power Supply 
  2. กลุ่มโรงไฟฟ้า อาจจะมีความกังวลการใช้ไฟฟ้าต่ำลงตามรูปแบบชิปประมวลผลสูงลดลง

ทั้งนี้ ภาพบวกที่ AI Adoption จะเพิ่มขึ้นหนุนความต้องการโรงไฟฟ้าในท้ายที่สุดอยู่ดี กลยุทธ์รอตั้งรับเมื่อหุ้นอ่อนตัวรับความกังวล ขณะที่กลุ่มคาดได้ประโยชน์จากกรณีดังกล่าว คือ กลุ่มที่ผู้ใช้งาน AI ที่มีทางเลือกมากขึ้น ต้นทุนลดลง คาดนำมาสู่ปริมาณการใช้ข้อมูลในโครงข่ายโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ในส่วนกลุ่มสื่อสาร เน้น ADVANC และกลุ่ม Digital Tech Consult ที่ปริมาณงานที่ปรึกษาดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นตาม AI Adoption เน้น BE8, BBIK

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ DELTA ว่า ก่อนหน้าฝ่ายวิจัยคาดราคาหุ้นของ DELTA จะมีความผันผวนในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 68 จากทั้งประเด็นข่าวดีและร้ายที่สลับเข้ามา เช่น ข่าวดีจาก AI และข่าวร้ายจาก GMT แต่ล่าสุดคาดประเด็น DeepSeek จะเข้ามาส่งผลกระทบต่อ Sentiment ระยะสั้น

โดยตลาดอาจจะมองว่า
1) การใช้เทคโลยีที่ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามากและยังมีประสิทธิภาพที่ดีอาจจะทำให้ Hyperscalers ชะลอการลงทุนระยะสั้น
2) การทำงานบนชิปเสป็คที่รองลงมา อาจจะไม่ต้องใช้ระบบ Power supply หรือแม้แต่ Cooling system ที่มากเหมือนที่คาด

แม้ประเด็นดังกล่าวจะเร็วไปที่จะสรุปแต่คาดราคาหุ้นจะมีความผันผวนไปตามข่าวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (เช่น หาก Hyperscalers ประกาศเดินหน้าลงทุนต่อ หรือมีความคืบหน้าของ Stargate ราคาหุ้นก็อาจจะพลิกกลับมาได้) แต่อย่างไรก็ดี แนะนำรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังงบไตรมาส 4/67 ที่คาดจะตามมาด้วยการชะลอตัวของงบในไตรมาส 1/68

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA วันนี้ 29 ม.ค.68 ณ เวลา 14.38 น. อยู่ที่ระดับ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 0.37% ในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 137.50 บาท และย่อตัวลงทุจุดต่ำสุดที่ระดับ 133.50 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 966.09 ล้านบาท

ผลงาน 9 เดือนปี 67

  • รายได้รวม อยู่ที่ 124,488.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,063.97 บาท หรือ 13.76% จากปีก่อนที่ 109,424.58 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 16,783.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,072.28 บาท หรือ 22.40% จากปีก่อนที่ 13,711.15 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 79,795.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,652.42 บาท หรือ 24.40% จากปีก่อนที่ 64,143.30 ล้านบาท
  • รวมหนี้สิ้น อยู่ที่ 41,546.16 ล้านบาท ลดลง 3,348.36 บาท หรือ -7.45% จากปีก่อนที่ 44,894.52 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ที่ 12,585.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,932.89 บาท หรือ 45.45% จากปีก่อนที่ 8,652.53 ล้านบาท
  • อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 25.66% จากปีก่อนที่ 22.31%
  • อัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 13.48% จากปีก่อนที่ 12.53%