SET Index ฟื้นตัว กรอบ 1,330-1,360 จุด ทรัมป์สาบานตนไร้เซอร์ไพรส์ ลดความกังวล

21 ม.ค. 2568 | 09:00 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ม.ค. 2568 | 09:00 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ ชี้ SET Index วันนี้ 21 ม.ค.68 ฟื้นตัวกรอบ 1,330-1,360 จุด ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ไม่รีบใช้มาตรการขึ้นภาษีทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวล กระตุ้นแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น กลยุทธ์มองจังหวะทยอยสะสม หุ้นแนวโน้มผลงานเด่น แนะนำสะสม KKP

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 21 ม.ค.68 ฟื้นตัวในกรอบ 1,330-1,360 จุด หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมา "โดนัล ทรัมป์" เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 อย่างเป็นทางการ

โดยจุดที่ตลาดทั่วโลกจับตามอง คือ คำสั่งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งพบว่าทรัมป์ ยังไม่ได้ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรอย่างที่ตลาดกังวลไว้ ทำเพียงวางแผนบันทึกความเข้าใจฉบับกว้างๆ โดยสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางศึกษานโยบายทางการค้าและแก้ไขการขาดดุลการค้าที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ประเทศที่อาจจับตาเป็นพิเศษ คือ จีน แคนาดา และเม็กซิโก แต่อย่างไรก็ดีท่าทีพบว่าไม่ได้แข็งกร้าวอย่างที่ตลาดกังวล ซึ่งจะส่งผลให้ Dollar Index มีโอกาสอ่อนค่า (วานนี้ -1.15% ลงสู่ 108.09 จุด ) และกระตุ้นแรงเก็งในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น คาดส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้มีโอกาสขยับขึ้น

ส่วนมาตรการด้านพลังงาน จะมีการลงนามคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารเพื่อยืนยันความตั้งใจในการสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล และให้คำมั่นว่าจะพาสหรัฐฯออกจากความตกลงปารีส ซึ่งเป็นข้อตกลงเพื่อกำหนดมาตรการในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งจะยกเลิกการสนับสนุนรถไฟฟ้า และหนุนการขุดเจาะน้ำมันดิบ เพื่อลดค่าครองชีพ โดยวานนี้ราคาน้ำมันดิบชะลอ -1.2%

ส่วนปัจจัยในประเทศ SET ยังอยู่ในช่วงสร้างฐานท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง แต่อย่างไรก็ดี จากปัจจัยภายนอกที่ดีขึ้น น่าจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดวันนี้ฟื้นตัว โดยยังคงแนะสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไรเด่น

ปัจจัยที่ต้องจับตา

21 ม.ค.68

  • ประชุม ครม.

23 ม.ค.68

  • ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สหรัฐฯ 
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน

23 ม.ค.68

  • ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สหรัฐฯ 
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน

หุ้นเด่นแนะนำ

  • KKP ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ (บาท) 54.00 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ที่ 1,406 ล้านบาท เติบโต 110% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน ดีกว่าตลาด 37% แรงหนุนหลักจากค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง และกำไรจากเงินลงทุน (FVTPL) ที่มากกว่าคาด ส่วนแนวโน้มผลขาดทุนรถยึดลดลง 22% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน หดตัว 10% จากไตรมาสก่อน แต่ด้าน NPL ratio ขึ้นเล็กน้อยสู่ 4.2% จาก 4.1% ส่วนด้านอัตราปันผลคาดยังน่าดึงดูดที่ระดับ 6% ต่อปี