ตลาดหุ้นโลกเฮ! ทรัมป์ส่งสัญญาณดีกับจีน ดันดัชนีทั่วโลกปรับตัวขึ้น

20 ม.ค. 2568 | 10:36 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2568 | 10:37 น.

บล.พาย แนะให้น้ำหนักกับพิธีสาบานตนของ "ทรัมป์" ความกดดันสงครามการค้า มองสัปดาห์นี้คาด SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1,325-1,360 จุด เป็นโอกาสสะสมสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่และเป็นผู้นำอุตสาหกรรม เช่น ท่องเที่ยว ค้าปลีก ส่งออก ธนาคาร และ การเงิน

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันศุกร์ที่ผ่านมาฝั่งสหรัฐฯ ไม่ได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ  Dow Jones ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง ปิดบวก 0.78% ปัจจัยหนุนหลักมาความหวังดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ Bond Yield สหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัวเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้มีปัจจัยหนุนใดๆ คาดว่าเป็นเพียงแรงขายปกติในตราสารหนี้

สัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับพิธีสาบานตนของ ทรัมป์ ที่จะทราบผลทางการในวันอังคารช่วงเช้าตามเวลาไทย สิ่งที่นักลงทุนจะจับตาได้แก่การกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ ได้ออกมาโพสต์ผ่าน Truth social ว่าตนได้พูดคุยกับประธานาธิบดีจีน การพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดีและจะหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเริ่มทันที ซึ่งเราได้พูดคุยกันหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการค้า รวมไปถึงประเด็น Tiktok ร่วมด้วย

พร้อมย้ำจะทำทุกอย่างเพื่อให้โลกพบกับความสงบและปลอดภัย มองเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นโลกในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมาช่วงปี 18 , 19 ทรัมป์ ก็มักพูดประโยคในทำนองนี้ และหลังจากนั้นก็มักแถลงต่อว่าการเจรจาต่างๆ ไม่คืบหน้า และตลาดหุ้นก็กลับมาปรับฐาน

สัปดาห์นี้นอกจากพิธีสาบานตนของ ทรัมป์ แล้วแนะรอติดตามดัชนี PMI ภาคผลิตและบริการเบื้องต้นของฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์รวมไปถึงยอดขายบ้านมือสอง Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 4.19 ล้านหลังคาเรือน หากต่ำกว่าคาดการณ์จะเป็นปัจจัยหนุน

ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.6% แต่อย่างไรก็ตามยังคงปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อรัสเซียกดดันภาวะอุปทาน

ส่วนในประเทศไร้ปัจจัยที่ต้องติดตามเพราะตัวเลขสำคัญรอประกาศในช่วงสัปดาห์ถัดไป ด้านตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์อ่อนแอกว่าที่คาดไว้และติดลบสวนทางกับเอเชีย ประเมินว่าเป็นผลจากความเชื่อมั่นที่ทยอยลดลงเพราะเกิดปัจจัยหุ้นเฉพาะตัวปรับลง อาทิ RS , MASTER และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีอีกหรือไม่ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในวันศุกร์ 1.2 พันล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิอีก 284 ล้านบาท

แม้ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มมีระดับ Valuation ที่ถูกก็ตาม สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,325-1,360 จุด ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังมองระดับดัชนีปัจจุบันเป็นโอกาสสะสมสำหรับการลงทุนระยะกลาง - ยาว เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่และเป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT HMPRO) ส่งออก (ITC TU) ธนาคาร (BBL KBANK KTB) และ การเงิน (MTC SAWAD) เป็นต้น

แนะนำหุ้นเด่น

  • CPAXT แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัทจากการมุ่งเน้นการขายอาหารสด อาหารพร้อมทาน อาหารพร้อมปรุง โดยใช้การขายนอกร้าน (Omni Channel) เพื่อผลักดันการเติบโตของยอดขาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอด Download App Makro Pro และ Lotus’s Online รวมกันมากกว่า 14 ล้านดาวน์โหลด และมีผู้ใช้บริการมากกว่า 1 ล้านรายต่อวัน ขณะที่ทางฝ่ายเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลง 20% จากประเด็นโครงการ “The Happitat” สะท้อนความกังวลมาเกินไป
  • CPN แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 87.00 บาท แนวโน้มช่วงไตรมาส 4/67 ทางฝ่ายยังมีมุมมองเดิมที่คาดว่าในแง่รายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ทั้งนี้ มีการปรับประมาณการปี 67 เล็กน้อยโดยคาดกำไรสุทธิที่ 16,620 ล้านบาท โต 10% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยปรับกำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 55% จากเดิม 52% หลังช่วง 9 เดือนแรกปี 67 CPN มีกำไรขั้นต้นสูงถึง 55.2%