ย้อนรอยเป้าหมายเงินเฟ้อ 10 ปีพลาดเป้าไป 7

13 พ.ย. 2567 | 06:00 น.

เปิดที่มาความขัดแย้ง ธปท.-รัฐบาล ประเด็นหลักดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรักษาเป้าหมายเงินเฟ้อ มุ่งรักษาเสถียรภาพระยะกลางถึงยาวของธปท. สวนทางกระตุ้นเศรษฐกิจ พบช่วง 10 ปีย้อนหลัง การรักษาเงินเฟ้อ พลาดเป้าหมายถึง 7 ครั้ง เข้าเป้าแค่ 3 ครั้ง  

การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ หรือ Inflation tarketing ถูกนำมาเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีเครื่องมือสำคัญคือ ดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรักษาระดับราคาสินค้าและบริการ ไม่ให้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปจนกระทบกับเศรษฐกิจ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งตั้งขึ้นในปี 2551 มีอำนาจตัดสินใจว่า จะปรับขึ้นหรือลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนด 

ทั้งนี้ในการกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแต่ละปี จะเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการ ธปท.ในฐานะประธาน กนง. ในการกำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางและเป้าหมายประจำปี ตามพระราชบัญญัติ ในมาตรา 28/8 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย(ฉบับที่ 4 )พ.ศ 2551 

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา หรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย กนง.จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุของการเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายที่ตกลงไว้

รวมถึงแนวทางดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาและในระยะต่อไป เพื่อนำอัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม รวมถึงระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับสู่เป้าหมาย 

นอกจากนี้ กนง.จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทุก 6 เดือน หากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยยังคงอยู่นอกกรอบเป้าหมายและจะรายงาน ความคืบหน้าของการแก้ปัญหาเป็นระยะตามสมควร

อย่างไรก็ตามจะพบว่า ที่ผ่านมาไม่เพียงแค่ธปท.ของไทยเท่านั้นที่มีปัญหากับรัฐบาล แต่ยังเกิดขึ้นกับธนาคารกลางทั่วโลกเป็นเนืองๆ ด้วยเหตุที่เป้าหมายของรัฐบาลกับธนาคารกลางแตกต่างกัน รัฐบาลมุ่งไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจ(จีดีพี) ขณะที่ธนาคารกลางมีหน้าที่รักษาเสถียรภาพทางการเงิน ไม่ให้เงินเฟ้อสูงจนเกินไป 

ประเด็นดอกเบี้ยนโยบาย จึงเป็นความขัดแย้งหลัก เพราะรัฐบาลมองว่า หากกนง.ลดอัตราดอกเบี้ยลง เศรษฐกิจน่าจะโตได้มากกว่านี้ และทำให้คนที่มีภาระต่อการใช้จ่ายลดลง เกิดการบริโภคมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น ขณะที่ธปท.มองว่า ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง การปรับลดดอกเบี้ยจะไปซ้ำเติมให้การก่อหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจุดเปราะบางทางเศรษฐกิจได้ 

ดังนั้น ความเป็นอิสระของนโยบายการเงิน จึงเป็นเรื่องที่สําคัญอย่างมาก มีงานวิจัยและประสบการณ์จากทั่วโลกในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาพบตรงกันว่า ถ้าตลาดขาดความเชื่อมั่นในเรื่องของความเป็นอิสระทางความคิดของธนาคารกลาง ตลาดจะปั่นป่วนผันผวน และไม่เชื่อใจ ทั้งประเด็นการควบคุมเงินเฟ้อ และวินัยทางด้านการเงินการคลังอีกต่อไป 

ย้อนรอยเป้าหมายเงินเฟ้อ 10 ปีพลาดเป้าไป 7

10 ปีย้อน พลาดเป้า 7 ครั้ง 

มีคำถามเกิดขึ้นอีกเช่นกันว่า ธนาคารกลางจะอิสระโดยปราศจากความรับผิดชอบหรือไม่ เพราะหลายครั้งของการดำเนินนโยบายเป้าหมายเงินเฟ้อแล้ว ที่สุดก็ไม่สามารถดูแลให้อัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายที่ตกลงกับรัฐบาลไว้ได้

ในระยะแรก เป้าหมายเงินเฟ้อ จะถูกกำหนดด้วย เงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาส ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยรายปีในปี 2558  

ทั้งนี้หากดูเป้าหมายของนโยบายการเงินในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ช่วงปี 2558-2562 จะกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2.5 บวกลบ 1.5% หรือเคลื่อนไหวในกรอบ 1-4% แต่พบว่า ธปท.สามารถดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้เพียงปีเดียวเท่านั้นคือปี 2561 โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี ขยายตัว 1.07%

ส่วนที่เหลือล้วนหลุดขอบล่าง ไม่ว่าจะเป็นปี 2558 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ 0.9% ปี 2559 เงินเฟ้อขยายตัว 0.9%  ปี 2560 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ขยายตัว 0.66% และปี 2562 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ขยายตัว 0.71% เท่านั้น  

ส่วนช่วงปี 2563-2567 กำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3 % มีเพียงปี 2564 และ 2566 เท่านั้นที่ธปท.สามารถดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย จากที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 1.23%

ขณะที่ปี 2563 ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หลุดกรอบล่าง ติดลบ 0.85% ส่วนปี 2565 อัตราเงินเฟ้อเกินกรอบบน จากการขยายตัวที่ 6.08%และล่าสุด อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในสถานการร์หลุดกรอบล่าง จากการขยายตัวเพียง 0.6%

ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธปท.ได้หารือถึงกรอบเป้าหมายสำหรับปี 2568 แล้วแต่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ

ส่วนการกำหนดเป้าหมายที่ 1-3%  ในช่วงที่ผ่านมามองว่า มีความเหมาะสมเนื่องจาก ยังคงเป้าหมายเป็นการแสดงถึงความตั้งใจที่จะรักษาเสถียรภาพราคา อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณะและช่วยยึดเหนี่ยวอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย 

ขณะที่ในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อมีความผันผวนและไม่แน่นอนสูงการปรับ เป้าหมายนโยบายอาจสร้างความสับสนต่อสาธารณชนเกี่ยวกับแนวนโยบายในระยะข้างหน้า และการกำหนดเป้าหมายแบบช่วงที่มีความกว้าง 2% มีความยืดหยุ่นเพียงพอรองรับความผันผวนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในระยะปานกลางรวมถึงช่วยเอื้อให้การดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในระยะปานกลางสามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน

จดหมายเปิดผนึกในอดีต 

สำหรับช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า กนง.มีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุของการเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายที่ตกลงไว้คือ

  • 7 ม.ค.59 ชี้แจงการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้ง 2558 ติดลบ 0.90% ซึ่งต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินที่1% (กรอบ2.5+/_1.5%) 
  • 6 ม.ค.60 ค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อทั้งปี 2559 อยู่ที่ 0.19% ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ยทั้งปียังต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายติดต่อกันเป็นปีที่ 2 สาเหตุหลักยังคงมาจากปัจจัยด้านอุปทานทั้งราคาพลังงานและราคาอาหารสด ที่รวมคิดเป็น 79% ของความแตกต่าง ของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2559 เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ติดลบ2.39%
  • 12 ม.ค.61 ค่าเฉลี่ยทั้งปี 2560 อยู่ที่ 0.66% ซึ่งต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน 
  •  9 ม.ค.63 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2562 อยู่ที่ 0.71% (ปรับลดลงจาก 1.07% ในปี 2561) และต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินของปี 2562 (กำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง1-3% เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสำหรับปี 2563) 
  •  8 ก.ค.63 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (ก.ค.62-มิ.ย.63 ) ติดลบ 0.31% ปรับลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ 1.04% และประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ก.ค63-มิ.ย.64 ) ติดลบ 0.9% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
  •  5 ม.ค.64 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.63-ธ.ค.63) ติดลบ 0.85%ซึ่ง ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับปี 2564 
  •  7 ก.ค.64 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา(ก.ค.63-มิ.ย.64) อยู่ที่ 0.18% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับปี2564 
  •  8 เม.ย.65 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน โดยกนง.ประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย12เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 2 ปี 2565-ไตรมาส 1 ปี 2566) จะอยู่ที่ 4.1% ซึ่งสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน 
  •  8 ต.ค.65 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.64-ก.ย.65) อยู่ที่ 5.23%และประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 4 ปี 65-ไตรมาส 3 ปี 66 ) อยู่ที่ 3.9% ซึ่งสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน 
  •  7 เม.ย.66 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย.65 -มี.ค.66) อยู่ที่ 5.86% ซึ่งสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน 
  •  9 ก.พ.67 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (ก.พ.66-ม.ค.67) อยู่ที่ 0.7% ซึ่งต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินจากปัจจัยชั่วคราวส่วนหนึ่งมาจากมาตรการดูแลค่าครองชีพของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง อาทิมาตรการลดค่าไฟฟ้า มาตรการลดราคาน้ำมันผ่านการลดภาษีสรรพสามิต และกลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หากประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยไม่มีผลของมาตรการดังกล่าว เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา จะอยู่ภายในกรอบเป้าหมายที่ 1.6%

 

หน้า 1  หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,044 วันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567