เปิดโผหุ้นกู้"ไฮยีลด์บอนด์"แสนล้าน ครบดีลปี 67

22 พ.ย. 2566 | 07:07 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2566 | 07:11 น.
3.7 k

เปิดโผหุ้นกู้ "ไฮยีลด์บอนด์ -นอนเรต " วงเงินรวม 99,586 ล้านบาท ครบกำหนดปี 2567 - "สมจินต์" ThaiBMA ชี้ 2 ปัจจัย "ดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง - ผู้ลงทุนกระจายความเสี่ยง" กำหนดตลาดปีหน้า มอง"ทรง/ลด" ชี้ปัญหาหุ้นกู้เป็นเรื่องเฉพาะราย

ปัญหาหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ กรณีล่าสุดของบมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ที่แจ้งพักชำระหนี้หุ้นกู้ 7 รุ่น มูลหนี้รวม 3,212.15 ล้านบาท หลังบริษัทฯ ยื่นคำร้องเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ และศาลล้มละลายกลาง ฯ มีคำสั่งรับคำร้องแล้ว

หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ 7 บริษัทรวมกว่า 2.2 หมื่นล้าน

จากข้อมูลรายงานของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ( ThaiBMA ) ปัจจุบัน (22 พ.ย. 66) หุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้ ( Default Payment ) มีทั้งสิ้น 7 บริษัท วงเงินรวม 22,065 ล้านบาท ได้แก่  

  • 1.หุ้นกู้ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) มี 5 ชุด มูลหนี้รวม 9,198.4 ล้านบาท
  • 2.หุ้นกู้ บมจ.เจเคเอ็นโกลบอล กรุ๊ป (JKN ) มี 7 ชุด มูลหนี้รวม 3,212.15 ล้านบาท
  • 3. หุ้นกู้ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น ( IFEC ) มี 1 ชุด มูลหนี้ 3,000 ล้านบาท
  • 4.หุ้นกู้ บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL)  มี 7 ชุด มูลหนี้รวม 2,334.2 ล้านบาท
  •  5.หุ้นกู้ บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) มี 7 ชุด มูลหนี้รวม 2,345.58 ล้านบาท
  • 6.หุ้นกู้ บจก.เดซติเนชั่น รีสอร์ทส์ (DR) มี 2 ชุด มูลหนี้รวม 1,210 ล้านบาท และ
  • 7.หุ้นกู้ บมจ.เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ (APEX) มี 1 ชุด มูลค่าหนี้รวม  765 ล้านบาท 

 

สำหรับการระดมทุนออกหุ้นกู้ระยะยาวในรอบ 10 เดือนปี 2566 ( ม.ค.- ต.ค.2566 ) มีมูลค่า 885,213 ล้านบาท ลดลง 194,241 ล้านบาท หรือ -18% จากช่วงเดียวกันของปี 2565  ที่มีการออกหุ้นระยะยาว 1,079,454 ล้านบาท  

หุ้นกู้ปี 67 ครบกำหนดกว่า 8.9 แสนล้าน  

ข้อมูลเว็บไซต์ThaiBMA  ระบุอีกว่าปี 2567 มีหุ้นกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดทั้งสิ้น 890,908 ล้านบาท จำนวนนี้สัดส่วน 90% หรือประมาณ 791,322 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้กลุ่ม Investment grade  ( เรตติ้งระดับBBB - จนถึง  AAA  ) และเป็นหุ้นกู้บริษัทที่มีเรตติ้ง ตั้งแต่ A- ขึ้นไปถึง 86 บริษัท วงเงินรวม 688,232 ล้านบาท

ส่วนหุ้นกู้ที่เหลือ 10% กว่าวงเงิน 99,586 ล้านบาท เป็นกลุ่มไฮยีลด์บอนด์ (High yield) เรตติ้งระดับ BB+ ลงมาจนถึงนอนเรต  จำนวนนี้เป็นนอนเรตบอนด์ 51,387 ล้านบาท

 

เปิดโผหุ้นกู้\"ไฮยีลด์บอนด์\"แสนล้าน ครบดีลปี 67

 

"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมข้อมูลจาก ThaiBMA เพิ่มเติม โดยคัดเฉพาะหุ้นกู้กลุ่ม"ไฮยีลด์บอนด์" ที่ครบกำหนดในปี 2567 มีดังนี้

  • หุ้นกู้บจก.แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ครบกำหนดรวม13 ชุด วงเงินรวม 21,370 ล้านบาท เฉพาะเดือน ม.ค.67 มีทั้งสิ้น 7 ชุด วงเงินรวม 9,704 ล้านบาท  
  • หุ้นกู้ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) 4 ชุด วงเงินรวม  7,057 ล้านบาท
  • หุ้นกู้บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) มี 6 ชุดวงเงินรวม 6,668 ล้านบาท
  • หุ้นกู้บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้  (GRANG) มี 4 ชุด วงเงินรวม 4,798.50 ล้านบาท
  • บจก.ริสแลนด์ (ประเทศไทย) หรือ RLTH มี 3 ชุด วงเงิน 2,574 ล้านบาท
  • หุ้นกู้บมจ.ไซมิส แอสเสท (SASST ) มี 5 ชุด วงเงิน 2,542 ล้านบาท
  • หุ้นกู้ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ( MJD ) วงเงิน 1,867 ล้านบาท
  • หุ้นกู้บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY)วงเงิน 1,607 ล้านบาท 
  • หุ้นกู้บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) วงเงิน 1,500 ล้านบาท
  • หุ้นกู้บมจ. มั่นคงเคหะการ (MK)  วงเงิน 1,136 ล้านบาท
  • หุ้นกู้บมจ.ไรมอน แลนด์ ( RML) มูลหนี้ 1,012 ล้านบาท
  • หุ้นกู้ บมจ.ไมโครลิสซิ่ง (MICRO) วงเงิน 1,083 ล้านบาท,
  • หุ้นกู้บมจ. ชีวาทัย  (CWTTH) วงเงิน 1,000 ล้านบาท/ และเดือนธ.ค.66 มีครบกำหนด 400 ล้านบาท

ส่วนที่เหลืออื่น ๆ วงเงินหุ้นกู้ครบกำหนดปี 67 ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท  อาทิ หุ้นกู้ บมจ.ริชี่ เพลซ 2002 (RICHY)  วงเงิน 888 ล้านบาท /เดือน ธ.ค.66 มีครบกำหนด 379 ล้านบาท และ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเมนท์ (CI) 500 ล้านบาท /เดือนธ.ค.66 ครบกำหนด 950 ล้านบาท

ทั้งนี้หุ้นกู้ในกลุ่มไฮบอนด์ยีลด์ที่จะครบกำหนดในปี 2567 ส่วนใหญ่ยังเป็น"กลุ่มอสังหาริมทรัพย์" โดยหุ้นกู้อสังหาริมทรัพย์ที่จะครบกำหนดปีหน้ามีทั้งสิ้น 158,000 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นกลุ่มไฮบอนด์ยีลด์ราว 58,800 ล้านบาท หรือเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของหุ้นกู้ไฮยีลด์ทั้งระบบ

ตลาดหุ้นกู้ปี 67 "ทรงตัว/ลด" จาก 2 ปัจจัย 

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่ามูลค่าการออกหุ้นกู้รวมในรอบ 10 เดือนแม้จะลดลง แต่ทั้งปีคาดมูลค่าน่าจะอยู่ระดับ 1 ล้านล้านบาท แต่แนวโน้มปี 67 เมื่อมองจาก 2 ปัจจัยคือ  1.การปรับขึ้นของดอกเบี้ยเริ่มช้าและปีนี้อาจอยู่ตรงปลายของ"ขาขึ้น"แล้ว ดังนั้นความจำเป็นของธุรกิจในการระดมทุนออกหุ้นกู้เพื่อล็อกต้นทุนจึงไม่ได้เร่งมากเมื่อเทียบกับปี 65 ซึ่งเป็น all time high จากดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูง ขณะเดียวกันก็เพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นกู้มากขึ้น  2. เทียบปัจจุบันผู้ลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นในการตัดสินใจลงทุน  selective และกระจายความเสี่ยงมากขึ้น จึงทำให้มีความเป็นได้ว่าทิศทางการออกหุ้นกู้ในปี 67 อาจจะทรงๆ หรือปรับลดลงกว่าปีนี้

ส่วนการออกหุ้น"ไฮบอนด์ยีลด์"  มองว่าบริษัทผู้ออกต่อไปคงต้องทำงานมากขึ้น ทั้งการตระเตรียมให้ข้อมูล/การสื่อสารกับผู้ลงทุน การวิเคราะห์  เพื่อให้ได้ตามเป้าวัตถุประสงค์ของการระดมทุน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นกับหุ้นกู้คงต้องวิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆไป แต่มองว่าผู้ลงทุนมีความรอบคอบระมัดระวังมากขึ้นในการกระจายความเสี่ยง