บล.กรุงศรี แนะลงทุน "พันธบัตร" ในช่วงเศรษฐกิจโลกถดถอย

09 พ.ย. 2566 | 15:44 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2566 | 15:44 น.

บล.กรุงศรี ชี้พฤติกรรมซื้อขายหุ้นช่วงนี้ลำบาก แนะรอจังหวะเหมาะสม ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจโลกถดถอย ลงทุน “พันธบัตร” ปลอดภัยที่สุด หากซื้อหุ้นควรเลือกกลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐาน

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน Health & Wealth Expro 2023 ว่า เราเริ่มได้ยินคำว่า “เศรษฐกิจโลกถดถอย” มานาน 2-3 เดือนแล้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณ จนมาถึงตอนนี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มหดตัว ตัวเลขชี้นำจากตัวเลข TMI ภาคการผลิต และภาคการบริการของโลก ล่าสุด ออกมาเห็นชัดเจนว่าช่วงไตรมาส 4 ของปี 2566 ถึงไตรมาส 1 ปีหน้า มีแนวโน้มเศรษฐกิจโลกหดตัว ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรสำรวจก่อนตัดสินใจซื้อหุ้น

“ในมุนมองการลงทุนหุ้น ควรติดตามปัจจัยพื้นฐาน เช่น แนวโน้มเศรษฐกิจโลกหดตัว ซึ่งส่งสัญญาณมานาน และต่อมา ยังมีสัญญาณการจ้างงานอเมริกาออก ตัวเลขลดลง จึงทำให้หุ้นไม่ได้ขึ้น แต่ตัวที่ขึ้นแรงสุด คือ พันธบัตรอเมริกา หากลงทุนในพันธบัตรวันนั้น ที่ยีลด์ 5% ขณะนี้ 4.5% จะทำให้นักลงทุนได้กำไรจากการลงทุนพันธบัตรกว่า 10% และนักลงทุนที่มีหลักการลงทุนที่ดี คือ โยกสินทรัพย์จากหุ้นมาสู่ตราสารหนี้”

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

ขณะที่แนวโน้มประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน เศรษฐกิจรายไตรมาสเติบโตดีขึ้น แต่เงินเฟ้อติดลบ ทำให้หุ้นไม่ขึ้น เพราะเงินเฟ้อติดลบ นักลงทุนต่างมองไทย และจีน คล้ายญี่ปุ่น ปี 1990 เหตุผลที่หุ้นจีน และหุ้นไทยขึ้นได้ช้า เนื่องจากเงินเฟ้อต่ำเกินไป ฉะนั้น พฤติกรรมการซื้อขายตอนนี้ มองว่าลำบากจากการลงทุนในหุ้น โดยบางกลุ่มสามารถขึ้นได้ดี แต่ตอนนี้จะเกิดคำว่า “เศรษฐกิจถดถอย” ของอเมริกาในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้า จึงแนะนำว่าควรซื้อหุ้น แต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม

ส่วนกรณีที่บางบริษัทประกาศล้มละลาย จะเป็นผลกระทบในภาพใหญ่หรือไม่ มองว่า อาจจะมีเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ สำหรับบริษัทที่มี D/E Ratio สูง หรือ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูง หากเป็นหุ้นที่มีแผนดำเนินงานที่อยากจะทำเยอะ ก็มีความอันตราย แต่ไม่ได้บอกให้นักลงทุนกลัว แต่ให้ระวัง

ส่วนการแนวโน้มลงทุนต่อจากนี้ มองว่าการซื้อพันธบัตรโดยตรงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด คนที่ซื้อหุ้นกู้ยังมีความเสี่ยง โดยพันธบัตรอเมริกาที่ครบอายุช่วงเดือนก.พ.-ต.ค.67 ผลตอบแทนประมาณ 4-5% ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรของไทยประมาณ 3% ซึ่งหากหาหุ้นที่มีความสัมพันธ์กับพันธบัตรรัฐบาลที่มีทิศทางปรับตัวลดลง ต้องหาสินทรัพย์ หรือหุ้นที่ได้รับผลตอบแทนเทียบเท่ากับพันธบัตร

“การที่จะลงทุนหุ้น ควรมองหาผลประกอบการของบริษัทหลายปีที่ผ่านมา ผลประกอบการไม่ตกต่ำตามเศรษฐกิจ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเศรษฐกิจมากนัก แน่นอนว่าจากข้อมูลที่ผ่านมา คือ หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐาน มองว่าเป็นกลุ่มที่น่าสนใจที่สุด จ่ายปันผลพอได้ ไม่เติบโตมาก สอดคล้องกับอเมริกา ก่อนเลือกตั้ง หุ้นกลุ่มที่ขึ้นดีที่สุด คือ กลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐาน แต่กลุ่มที่ลงมากที่สุด คือ กลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี มองว่าการลงทุนที่น่าสนใจ และปลอดภัย ยังเป็นพันธบัตร”

ทั้งนี้ ปัจจุบันก็มีกองทุนหลายแห่งมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลครอบคลุมทั่วโลก โดยบมจ.หลักทรัพย์กรุงศรี ก็มีกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกเช่นเดียวกัน