หวั่นหุ้นกู้ AT1 ของเครดิตสวิส 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ จุดชนวนวิกฤตครั้งใหม่

21 มี.ค. 2566 | 11:35 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มี.ค. 2566 | 11:59 น.

FINMA ชี้แจงการลดมูลค่า "หุ้นกู้ AT1" ของธนาคารเครดิตสวิสมูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์ให้เหลือศูนย์ เป็นไปตามเงื่อนไขการซื้อกิจการ ด้านผู้ถือหุ้นกู้เดือด ทำแบบนี้เท่ากับเงินที่ลงทุนไปกลายเป็นไร้ค่าในทันที

 

ฟินมา” (FINMA) หน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญใน การควบรวมกิจการธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse)โดย ธนาคารยูบีเอส (UBS) คือ การปรับลดมูลค่าหุ้นกู้มูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์ลงให้เหลือศูนย์ โดย FINMA ระบุว่า พันธบัตรชั้นหนึ่ง หรือ Tier One Bonds ถือเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยง จะต้องถูกลดมูลค่าให้เป็นศูนย์ แต่เงื่อนไขดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ของเครดิตสวิสเป็นอย่างมาก เนื่องจากเงื่อนไขเช่นนี้ทำให้การลงทุนของพวกเขากลายเป็นไร้ค่า หรือ สูญค่า ในทันที

นักกลยุทธ์ด้านเครดิตของโกลด์แมนแซคส์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวนี้ แสดงถึงความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับนักลงทุน AT1 นับตั้งแต่การเกิดของสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวหลังวิกฤตการเงินโลก เพราะภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้ถือ AT1 ของเครดิตสวิส จะสูญเสียเงินทั้งหมด และไม่มีสิทธิในการรับเงินชดเชย ในขณะที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงิน 3,230 ล้านดอลลาร์ภายใต้ข้อตกลงควบกิจการ ทั้งที่ปกติแล้วผู้ถือหุ้นจะถูกจัดให้มีสิทธิประโยชน์ในการรับเงินน้อยกว่าผู้ถือหุ้นกู้ในแง่ของการจ่ายเงินเมื่อบริษัทล้ม

เรื่องนี้ทำให้พันธบัตร AT1 ที่ออกโดยธนาคารในยุโรปอื่น ๆ ลดลงอย่างมากเมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค) เนื่องจากการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นกู้ AT1ของธนาคารเครดิตสวิส ได้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทนี้

ธนาคารเครดิตสวิส

อย่างไรก็ตาม เอลิซาเบธ รัดแมน หัวหน้าสถาบันการเงินระดับโลกที่ดีบีอาร์เอส มอร์นิงสตาร์ (DBRS Morningstar) มองว่า ความเคลื่อนไหวของ FINMA ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจแต่อย่างใด เพราะ AT1 เป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่รองรับความสูญเสียอยู่แล้ว และ FINMA ก็ได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว

ทั้งนี้ พันธบัตร AT1 หรือที่รู้จักในชื่อ CoCo เป็นตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของทุนการกำกับดูแลของธนาคาร ผู้ถือสามารถแปลงเป็นทุนหรือจดบันทึกได้ในบางสถานการณ์ เช่น เมื่ออัตราส่วนเงินกองทุนของธนาคารต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้

พันธบัตร AT1 ถูกสร้างขึ้นหลังวิกฤตการณ์ทางการเงิน เพื่อเป็นวิธีการเปลี่ยนความเสี่ยงจากผู้เสียภาษีในสถานการณ์วิกฤต และเนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงสูง AT1 จึงมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรอื่นๆ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ถือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ AT1 มักคาดหวังว่าจะได้รับค่าชดเชยเมื่อพันธบัตรถูกตัดจำหน่าย แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของมูลค่าเดิมก็ตาม

แต่สำหรับกรณีหุ้นกู้ AT1 ของธนาคารเครดิตสวิส ธนาคารไม่สามารถให้มูลค่าชดเชยใดๆ ในกรณีนี้ได้ เนื่องจากตอนนี้พันธบัตรดังกล่าวไม่มีมูลค่าเหลือแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้น แม้ FINMA จะออกมาชี้แจง แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ไปแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังทำให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าอาจจะเป็นชนวนที่ส่งผลกระทบต่อตลาดสินเชื่อทั่วโลก รวมทั้งพันธบัตร AT1 จากสถาบันการเงินรายใหญ่รายอื่นๆ ได้ ซึ่งรัดแมนมองว่า จะส่งผลกระทบต่อมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับพันธบัตรและจำนวนเงินที่นักลงทุนยินดีจ่ายให้กับ AT1  โดยอธิบายว่า ความเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของ AT1 ที่ลดลงไป แต่ความเสี่ยงจะแนบมากับการกำหนดราคาและวิธีที่นักลงทุนประเมินอัตราผลตอบแทนที่ตนเองต้องการ

ขณะเดียวกัน นักกลยุทธ์ของโกลด์แมนแซคส์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจของ FINMA เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับการลงทุนใน AT1 โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องทบทวนการตัดสินใจต่อการลงทุนใน AT1 โดยรวมทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะแค่ของเดรดิตสวิส โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่นักลงทุนต้องมองหาผลตอบแทนท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเงินที่สูงขึ้นนี้

ทั้งนี้ การปรับลดมูลค่าหุ้นกู้ของเครดิตสวิส เกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารยูบีเอส ธนาคารใหญ่อันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์  บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของเครดิตสวิสมูลค่า 3,200 ล้านดอลลาร์ โดยการซื้อกิจการดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางสวิส รัฐบาลสวิส และหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิส (FINMA) โดยธนาคารกลางสวิสให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินกู้ยืมจำนวนสูงถึง 1 แสนล้านสวิสฟรังก์ (1.08 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนการซื้อกิจการ ขณะที่รัฐบาลสวิสได้อนุมัติวงเงินค้ำประกัน 9 พันล้านดอลลาร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงให้กับยูบีเอส