เจ็บจ่ายจบ! บิ๊ก “Bitkub”ยอมจ่ายค่าปรับอินไซด์ข้อมูลซื้อเหรียญ KUB 8.5 ล้าน

07 ก.ย. 2565 | 13:50 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ย. 2565 | 20:55 น.
1.0 k

ผู้บริหาร Bitkub ตัดใจยอมจ่ายปรับรายบุคคลสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการคริปโต 8.5 ล้านบาท เตรียมเข้าพบ ก.ล.ต.รับข้อกล่าวหา 7 ก.ย.นี้ยันไม่รู้เรื่องดีลซื้อขาย “บิทคับ-เอสซีบีเอส” เข้าซื้อเหรียญ KUB เพื่อเป็นค่าธรรมเนียมซื้อขายคริปโต และลงทุนระยะยาว

ภายหลัง Bitkub ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) ยังปฎิบัติหน้าที่ต่อ และนายสำเร็จ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าพร้อมต่อสู้คดี ภายหลังคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งลงโทษรายบุคคล ต่อ กรณีซื้อโทเคนดิจิทัล Bitkub Coin (เหรียญ KUB) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวม 8,530,383 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน

 

ล่าสุดนายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับเข้าไปรับแจ้งข้อกล่าวหาจาก ก.ล.ต. ที่มีกำหนดไว้ 10 วัน อย่างไรก็ตามจะเข้าไปพบ ก.ล.ต.ในวันที่ 7 กันยายนนี้ ซึ่งหลังจากพบ ก.ล.ต.ถึงจะตัดสินใจว่าจะยอมรับข้อกล่าวหา ยอมเสียค่าปรับ หรือต่อสู้คดี

สำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT)

“ถ้าหากยอมรับเสียค่าปรับ ก็ไม่ได้หมายว่ายอมรับผิด แต่เพื่อประนีประนอม เพื่อให้ทุกอย่างมันจบ ซึ่งการเป็นคดีต้องเสียเวลาในการสู้คดีนาน กรณีถ้าไม่จ่ายค่าปรับต่อสู้คดี ก.ล.ต.ก็ยื่นอัยการฟ้องศาลแพ่งภายใน 7 วัน ซึ่งผมต้องขอเข้าพบ ก.ล.ต. เพื่อขอรับทราบข้อมูลก่อนถึงตัดสินใจว่าจะยอมเสียค่าปรับหรือต่อสู้คดี”

นายสำเร็จ กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาตนได้เข้าไปชี้แจงเรื่องนี้กับ ก.ล.ต. พร้อมส่งหลักฐาน ทรานเซ็กชันทุกวินาที เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งนึกว่าจบแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ตนขอยึนยันว่าไม่ทราบข้อมูลอินไซด์การซื้อขายหุ้น ระหว่างเอสซีบีเอส กับบิทคับออนไลน์ เพราะทำงานที่บริษัทบิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เป็นคนละบริษัทกับบริษัทบิทคับออนไลน์ จำกัด ซึ่ง บริษัทบิทคับ ออนไลน์ จำกัด ก็ไม่ได้แจ้งตนว่ามีการซื้อขายหุ้น หรือมีคำสั่งห้ามซื้อขายเหรียญ KUB

 

ทั้งนี้ตัวผมเองต้องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลระยะยาวจริงๆ การซื้อเหรียญ KUB เพื่อแลกเป็นค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange และขณะนั้นก็ไม่ได้ลงทุนแค่เหรียญ KUB มีการลงทุนในเหรียญ SIX ที่ราคาขยับจาก 1 บาทไป 14 บาท อีกทั้งเหรียญ KUB ที่ซื้อมา 60,000 KUB ก็เป็นตัวเลขปกติไม่ได้สูง และขณะนี้ก็ยังถืออยู่ก็ยังไม่ได้ขายทำกำไร

 

“เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ ก.ล.ต.สั่งลงโทษคนเดียวคือผม โดยปกติหากมีการกล่าวโทษ จะแจ้งข้อหาผู้ให้ข้อมูล และผู้ได้รับข้อมูล นอกจากนี้ค่าปรับที่เรียกเก็บจากผม ยังเป็นค่าปรับที่มีอัตราสูงสุดจากการเรียกปรับรายบุคคล โดยก่อนนี้นายสกลกรย์ สระกวี ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ​ถูก ก.ล.ต.สั่งปรับไป 8,053,764 บาท และลงโทษ นายปรมินทร์ อินโสม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 6 ล้านบาท”

เจ็บจ่ายจบ! บิ๊ก “Bitkub”ยอมจ่ายค่าปรับอินไซด์ข้อมูลซื้อเหรียญ KUB 8.5 ล้าน

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ณ. 30 มิถุนายน 2565 พบว่า กลุ่ม Bitkub เป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ถูก ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง สั่งลงโทษและสั่งปรับมากสุด โดยรวมเป็นเม็ดเงินก้อนโตเกือบ 45 ล้านบาท

 

โดยในวันที่ 5 -24 มกราคม 2564 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ยินยอมให้บุคคลที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการงาน มีความผิดตามมาตรา 29 วรรคหนึ่ง พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ถูกสั่งเปรียบเทียบปรับ 190,000 บาท

 

และวันที่ 1 มกราคม 64 -31 กรกฎาคม 64 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าในระบบที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเมื่อทำธุรกรรมเท่านั้น (cold wallet) น้อยกว่า 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าทั้งหมด มีความผิดตามมาตรา 30 ถูกสั่งเปรียบเทียบปรับไป 858,000 บาท

 

ครั้งที่ 3 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (trading rules) ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. โดยหยุดซื้อขายเหรียญดิจิทัลสกุล JFIN Coin (JFIN) และ Infinitus (INF) ชั่วคราว มีความผิดตามมาตรา 30 ถูกสั่งเปรียบเทียบปรับ 300,000 บาท

 

วันที่ 8 มกราคม 64-19 กรกฎาคม 64 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ไม่รักษากลไกการทำงานของระบบซื้อขายให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย (surveillance) ไม่รัดกุมเพียงพอที่จะทำให้บิทคับทราบธุรกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นการผลักดันราคาจากการแจ้งเตือนของระบบในทันที ผิดตามมาตรา 30 ถูกสั่งปรับ 1,265,000 บาท

 

วันที่ 6 มกราคม 64-28 พฤษภาคม 64 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ ขาดระบบงานที่รองรับการรวบรวมและประเมินข้อมูลลูกค้าไม่เหมาะสมและเพียงพอ มีความผิดตามมาตรา 30 พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ถูกสั่งปรับ 398,500 บาท

 

เดือนมกราคม 2564 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ รายงานเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบสารสนเทศที่มีความสำคัญ ประเภทระบบหยุดชะงัก ต่อก.ล.ต.ล่าช้ากว่าระยะเวลาที่ประกาศกำหนด ถึง 6 ครั้ง ผิดตามมาตรา 30 ถูกสั่งเปรียบเทียบปรับ 454,000 บาท

 

วันที่ 21 มกราคม 2564 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ มีระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ระบบรับฝากและถอนทรัพย์สิน และระบบการแสดงยอดทรัพย์สินของลูกค้า ไม่เหมาะสมและเพียงพอ ไม่ต่อเนื่อง มีความผิดตามมาตรา 30 ถูกสั่งเปรียบเทียบปรับ 305,000 บาท

 

วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ Bitkub เป็นเงิน 2,533,500 บาท จากการจดทะเบียน Bitkub Coin เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BO) ทาง BO โดยคณะกรรมการคัดเลือก อนุมัติเหรียญ KUB เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) จึงมีความผิดตามมาตรา 30 พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ต่อมาพบการกระทำผิดอีกทั้งหมด 5 ครั้ง ตามมาตรา 94 ของ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล โดย นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ในฐานะประธานกรรมการ, และนายพงศกร สุตันตยาวลี, นายปิยพงษ์ โคตรชนะ, นายสุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ, นายนิธิวัฒน์ มณีสินธุ์ ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BO กระทำการหรือละเว้นกระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้ BO คัดเลือก Bitkub Coin เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกและเพิกถอนสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ รายละ 2.5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 12.66 ล้านบาท

 

และในวันที่ 30 กันยายน 2565 ก.ล.ต.ได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย 1.บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด 2.นายอนุรักษ์ เชื้อชัย และ 3.นายสกลกรย์ สระกวี ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัทบิทคับ กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ ของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด จึงสั่งให้ผู้กระทำผิดชำระเงินค่าปรับรวม 24.1 ล้านบาท

 

ทั้งนี้มาตรการลงโทษทางแพ่งเป็นกระบวนการบังคับใช้กฎหมายช่องทางใหม่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559และพ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลฯ โดยหลังมีการนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้ ค.ม.พ.มีมาตรการลงโทษตั้งแต่ปี 2560 ถึง 31 กรกฎาคม 2565 รวม 64 คดี  ผู้กระทำผิด 329 ราย โดยตกลงบันทึกการยินยอม 48 คดี ผู้กระทำผิด 195 ราย คิดเป็นค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินทำผลประโยชน์ที่ได้รับและเงินชดใช้ค่าใช้จ่ายในการตรวสอบรวม 1,589 ล้านบาทที่นำส่งเข้ากระทรวงการคลัง และฟ้องคดีทางแพ่ง 16 คดี ผู้กระทำผิด 134 ราย