มนุษย์เงินเดือน เกษียณแล้วได้รับเงินบำนาญจากประกันสังคมเท่าไร

14 พ.ย. 2564 | 10:29 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ย. 2564 | 01:16 น.
40.3 k

มนุษย์เงินเดือน ผู้ประกันตนมาตรา 33 หลังเกษียณอายุ จะไดรับเงินบำนาญรายเดือน หรือเงินบำเหน็จจากประกันสังคมเท่าไร และมีวิธิคำนวณอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่

สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 (ม.33) ภายใต้ความคุ้มครองจากกองทุนเงินประกันสังคม จะได้รับใน 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย , กรณีคลอดบุตร , กรณีทุพพลภาพ , กรณีเสียชีวิต , กรณีสงเคราะห์บุตร , กรณีชราภาพ และ กรณีว่างงาน 

 

สำหรับมนุษย์เงินเดือน พนักงานบริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในแต่ละเดือนจะถูกนายจ้างหักเงิน 5% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 750 บาท ( 1,650 - 15,000 บาทต่อเดือน ) เพื่อนำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน  

 

เงิน 5% นี้ ถูกหักไปใช้ทำอะไรบ้าง                                                 

กรณีการหักเงินส่งสมทบกองทุนประกันสังคมที่ 750 บาท  
 

  • 1.5% = 225 บาท จะใช้ในส่วนประกันเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต
  • 0.5% = 75 บาท จะเก็บใช้ในส่วนประกันการว่างงาน 
  • 3% = 450 บาท จะเก็บไว้ในส่วนประกันชราภาพ 

 

โดยในส่วนของเงินประกันชราภาพจะได้รับเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

 

กรณีบำนาญชราภาพ

 

  • จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
  • มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

 

กรณีบำเหน็จชราภาพ

   

  • จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน
  • ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
  • มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย

มนุษย์เงินเดือน  เกษียณแล้วได้รับเงินบำนาญจากประกันสังคมเท่าไร

สำหรับรูปแบบการรับเงินเกษียณคืนจากกองทุนประกันสังคม มี 3 กรณี ดังนี้
 

1.กรณีจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือน :  มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ) 

 

  • กรณีที่มีการจ่าย เงินสมทบเกิน 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราบำนาญชราภาพตามข้อ 1 ขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อ ระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน ( ถ้ามีเศษเกินจะถูกปัดทิ้ง เช่น หากสะสมมา 15 ปี 2 เดือน จะคิดแค่ 15 ปี )
  •  กรณีผู้รับเงิน บำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญชราภาพรายเดือนที่ได้รับคราวสุดท้ายก่อนถึงแก่ความตาย

 

ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนทำงานได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท มาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงจะได้รับเงินบำนาญชราภาพรายเดือน ตามการคำนวณดังนี้

 

ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญ               

 

=  15 ปี (แรก) ได้อัตราเงินบำนาญ 20%               

=  5 ปี (หลัง) ได้อัตราเงินบำนาญ (1.5% (ปรับเพิ่ม) × 5ปี ) 

= 7.5%               

รวมอัตราเงินบำนาญ 20 ปี 

= 20% + 7.5% = 27.5%       

ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญรายเดือน 

= 27.5% ของ 15,000 บาท                 

= 4,125 บาท/เดือนจนตลอดชีวิต             

 

ส่วนกรณีผู้ประกันตนที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตภายใน 5 ปี ทายาทผู้มีสิทธิ จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญรายเดือน               

 

= 4,125 บาท  × 10 เท่า  เท่ากับ 41,250 บาท            
 

หมายเหตุ กองทุนชราภาพ ประกันสังคม จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2541  ดังนั้นผู้ที่ทำงานก่อนปี 2542 และได้เข้าระบบประกันสังคม จึงเริ่มส่งเงินสมทบเข้ากองทุนชราภาพ เดือนแรกคือเดือนมกราคม 2542 

 

มนุษย์เงินเดือน  เกษียณแล้วได้รับเงินบำนาญจากประกันสังคมเท่าไร

2.กรณีจ่ายเงินสมทบมากกว่า 12 เดือน แต่ไม่เกิน 180 เดือนและมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับจำนวนเงินสมทบของตนเอง + เงินสมทบในส่วนของนายจ้างและรัฐบาล + ผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด 
 

3.กรณีจ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินเกษียณจากกองทุนประกันสังคมเป็นเงินบำเหน็จ (เงินก้อนครั้งเดียว) เท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายสมทบกองทุนประกันสังคม ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนท่านหนึ่ง จ่ายเงินสมทบของตนเอง 450 บาท/เดือน เป็นเวลารวม 11 เดือน ดังนั้นผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับ 450*11 หรือ 4,590 บาท

 

หลักฐานที่ใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ

 

  • แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01)
  • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอฯ
  • กรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย

          -สำเนามรณะบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านผู้ตาย

          -สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพ

          -สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันคนและของบริดามารดา (ถ้ามี)

          -สำเนาสูติบัตรของบุตรหรือสำเนาทะเบียนบ้านของบุตร กรณีไม่มีสูติบัตร

          -หนังสือระบบให้เป็นผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพ (ถ้ามี)

 

ขั้นตอนการขอรับเงินเกษียณ

   

  •  ผู้ประกันตน/ทายาทผู้มีสิทธิ ต้องกรอกแบบ สปส. 2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา (ยกเว้น สำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)  หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน
  • เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณา
  • สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
  • พิจารณาสั่งจ่าย เงินสด/เช็ค (ผู้ประกันตน/ผู้มีสิทธิมารับด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมารับแทน) ส่งธนาณัติให้ผู้ประกันตน โอนเข้าบัญชีธนาคารตามบัญชีของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

 

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเงินเกษียณกองทุนประกันสังคมเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลการส่งเงินสมทบ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ สามารถตรวจสอบได้ที่

 

  • www.sso.go.th  โดยผู้ประกันตนต้องสมัครสมาชิกก่อน จึงจะสามารถตรวจสอบข้อมูลการส่งเงินสมทบ
  • แอพพลิเคชั่น "SSO Connect mobile"  โดยสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Google Play และ App Store
  • Facebook Messenger
  • สายด่วน 1506 

 

ที่มา : สำนักงานประกันสังคม