“อาคม” เผยยังไม่จำเป็นต้องลดภาษีน้ำมัน

05 ต.ค. 2564 | 15:22 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ต.ค. 2564 | 22:32 น.

“อาคม” เผยยังไม่จำเป็นต้องลดภาษีน้ำมัน หลัง ก.พลังงานออกมาตรการดูแลราคาแล้ว และยังมีเงินจากกองทุนน้ำมันเหลือพอเข้ามาดูแลราคาได้ ด้าน “สันติ” ชี้ราคาน้ำมันขึ้นเหตุคนเริ่มเดินทาง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการดูแลลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นนั้น ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของ B7 จาก 1 บาท เหลือเพียง 1 สตางค์เท่านั้น และยังลคค่าการตลาดดีเซลเหลือ 1.40 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.2564 เป็นต้นไปแล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เนื่องจากต้องรอประเมินสถานการณ์น้ำมันและผลจากมาตรการของกระทรวงพลังงานก่อน ขณะเดียวกันยังมีเงินจากกองทุนน้ำมันเพียงพอที่จะนำมาใช้ดูแลราคาน้ำมันได้

 

“ยังต้องติดตามสถานการณ์ เพราะตามนโยบายเราต้องพยุงไว้ไม่ให้ราคาเกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานก็ใช้สูตรลดราคาน้ำมันหลายประเภท เพื่อทำให้อัตราการชดเชยราคาง่ายขึ้น และกองทุนน้ำมันยังมีวิธีบริหารจัดการอีกหลายทาง ดังนั้นจึงต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน” นายอาคม กล่าว 

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการเข้าไปดูแลผลกระทบประชาชนจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นนั้น สามารถใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทได้ เพราะถือเป็นการเยียวยาผลกระทบ ซึ่งกระทรวงการคลังมีหน้าทีต้องดูแลทุกภาคส่วนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และมองว่าเงินจากกองทุนน้ำมันที่มีอาจต้องกันไว้เผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินในอนาคต

 

ทั้งนี้นายสันติกล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเป็นผลจากการเดินทางมากขึ้นเพราะสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ฉะนั้นเมื่อความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันยังเท่าเดิมก็ส่งผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับเพิ่มขึ้นตาม แต่ทั้งนี้เริ่มมีสัญญาณราคาน้ำมันที่ดีขึ้นจากการที่โอเปกจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันไม่ปรับตัวสูงจนเกินไป

สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง