เทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล 'Mobile Wallets' แรง

09 ม.ค. 2563 | 16:48 น.

ผู้นำ "ริปเปิล" เผยมุมมองเทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล ชี้ 3 ปัจจัย ทั้งผลิตภัณฑ์ การยอมรับ และวิวัฒการณ์ทางการเงิน จะเป็นคีย์สำคัญ ทำให้สินทรัพย์เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ส่งผล "Mobile Wallets" มาแรง

"สินทรัพย์ดิจิทัล" จริงๆ คนไทยได้สัมผัสเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ปี 2560 สื่อและนักเก็งกำไร ต่างพากันพาดหัวข่าวและแชร์เรื่องราว ทำให้ตลาดผันผวนและเกิดการปั่นราคากันอย่างมากมาย และนั่นทำให้ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งทะยานขึ้น และตกวูบลงในเวลาไม่นาน ลักษณะการขึ้นลงรุนแรงนี้ เกิดขึ้นหลายรอบ

ต่อมาปี 2562 ปัญหาความผันผวนสงบลง พร้อมกับการเก็งกำไรที่ลดลง และสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มถูกนำมาใช้งานในแต่ละภาคส่วน ทำให้คนเริ่มเข้าใจถึงคุณค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลว่า มันเป็นมากกว่าสกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนซื้อขาย แต่ยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพ (stability) ได้อีกด้วย

แม้จะมีผู้วิพากษ์วิจารณ์และกังขาในตัวสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเปรียบมันเหมือนเกมส์เจนก้า ที่เมื่อเคลื่อนไม้ผิดพลาดเพียงนิดเดียว ทุกอย่างก็พังครืนลงในพริบตา แต่ที่ ริปเปิลเรามองเห็นอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลว่ามันเหมือนเกมส์เลโก้เซตใหญ่มากกว่า ซึ่งเมื่อคุณค่อยๆ ต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันคุณก็จะได้มุมมองใหม่ของโลกที่คุณคุ้นเคย หรือแม้กระทั่งสร้างโลกใบใหม่ที่คุณเคยได้แต่จินตนาการถึง
 

ผู้นำ บริษัท ริปเปิล บริษัทเทคโนโลยีระบบโอนเงินข้ามประเทศจากสหรัฐอเมริกา จึงนำเสนอมุมมองของเทรนด์และ Thought Leadership ปี 2563 ซึ่งจะเป็นปีที่เทคโนโลยีและแอพลิเคชั่นใหม่ ๆ สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลจะเปิดตัวขึ้น และนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและเป็นรูปธรรมในวงการธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะ 3 ปัจจัยสำคัญ ที่จะถูกนำมาเปิดใช้ขึ้นในปีแรก  ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

สินทรัพย์ดิจิทัลผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับผู้บริโภค

XRP เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามพรมแดน บริษัทหลายแห่ง รวมถึง MoneyGram และ goLance และแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ได้รับรองความพอใจในการใช้งาน XRP ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทอื่นอีกมากมายที่จะประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ เพราะฉะนั้น มั่นใจว่าการแข่งขันจะคึกคักมากในปีแรกนี้

"อะชีช บีร์ลา" รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ของริปเปิล คาดการณ์ว่า Mobile Wallets จะก้าวเข้าสู่แวดวง blockchain และ crypto อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื่อว่า “การนำสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้กับ Mobile Wallets และ Super Apps เช่น Gojek Grab และ PayPal จะเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้นเนื่องจากพวกเขาต้องการขยายการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและแข่งขันกับธนาคารดิจิทัล”

ตามความเห็นของ "อะชีช" การนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้จะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงระบบการให้เครดิตและสินเชื่อแบบใหม่ คาดว่ากรณีการใช้ในตลาดกระแสหลักเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา เช่น เคนยา ไนจีเรีย และพื้นที่บางส่วนของละตินอเมริกาซึ่งมีดีมานด์มากที่สุด แอปพลิเคชั่นเหล่านี้ จะได้รับการสนับสนุนตามกฎหมายข้อบังคับ ที่ช่วยเอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งนั่นจะทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่น่าสนใจยิ่งขึ้น สำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังมองหาลู่ทางในการขยายตัว


ในมุมมองคล้าย ๆ กัน "มาร์คัส ทรีเชอร์" รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่าย Customer Success ของริปเปิลเห็นการขยายตัวในระดับนานาชาติและระดับไมโครเพย์เมนท์เพื่อทำให้ลูกค้าใหม่ใช้งานได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โซลูชั่นการจับจ่ายซื้อของในกลุ่มทัวริสต์และนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องคอยพึ่งบัตรเครดิตหรือบัตรใด ๆ อีกต่อไปที่เริ่มจะเป็นจริงขึ้นแล้วในปี 2563 



“ลองนึกภาพนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวประเทศไทย และพวกเขาสามารถซื้อสินค้าได้ผ่านแอพ มือถือหรือสแกนรหัส QR และการชำระเงินข้ามพรมแดนก็เกิดขึ้นทันที โดยตัดจากบัญชีเงินเยนของพวกเขาไปยังบัญชีของผู้ขายสินค้าเป็นเงินบาทไทย หากโซลูชันในการซื้อสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพิ่มมากขึ้น เราน่าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งมากแน่ๆ”

"มาร์คัส" ยังคาดการณ์อีกว่า บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จะทยอยลงมาเล่นในฐานะผู้ให้บริการชำระเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเร่งการเติบโตของ Micropayment และ Wallet Payments เพราะพวกเขาต้องการรองรับกระแสการชำระเงินที่มีมูลค่าน้อยได้อย่างทันทีทันใด การขยายตัวของ Micropayment นี้ ไปไกลกว่าสิ่งที่แอพรับส่งข้อความแบบดั้งเดิม เช่น Telegram และ Line ให้บริการอยู่ แต่ยังรวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ ส่งผลให้นักพัฒนาทั้งหลายต่างมุ่งมาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น



การเร่งให้สถาบันฯ ยอมรับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล
เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของสินทรัพย์ดิจิทัลและแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้อง ผู้เล่นจากสถาบันจะต้องยอมรับเทคโนโลยีและแสดงออกถึงจุดยืน เราคาดว่ากระแสการยอมรับจากสถาบันจะเริ่มขึ้นในปี 2563 โดยมีบริษัทแบบดั้งเดิมจำนวนมากที่จะหันมาใช้สินทรัพย์ดิจิทัลและโซลูชั่นจากบล็อกเชน

"บรีแอนน์ มาดิแกน" Head of Global Institutional Markets ของริปเปิล กล่าวว่า จะเป็นการดีที่มีการเริ่มใช้งานโดยแบรนด์ผู้ดูแลที่น่าเชื่อถือได้ เช่น State Street หรือ Bank of New York เข้ามาเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล “การปรากฏตัวของพันธมิตรที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับสถาบันในแวดวงและปูทางสำหรับการยอมรับจากสถาบันที่ใหญ่ขึ้นในวงกว้างในปีหน้านี้

ในขณะที่ซีอีโอของริปเปิล "แบรด การ์ลิงเฮ้าส์" คาดการณ์ว่า ครึ่งหนึ่งของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก 20 แห่ง จะทำการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจังในปี 2563 นี้ และนอกจากนั้น ยังเชื่อว่า สกุลเงินหลักกำลังจะปรับเป็นดิจิทัลในปีหน้า

รองประธานกรรมการอาวุโสของ Xpring "อีธาน เบียร์ด" คาดว่าธนาคารกลางอย่างน้อยหนึ่งแห่งจะเปิดตัวสกุลเงินของพวกเขาในปี 2563 "แบรด" คาดการณ์ว่าสกุลเงินที่ไม่ใช่ของกลุ่ม G20 อย่างน้อยหนึ่งสกุลเช่นเงินเปโซของอาร์เจนตินาหรือเงินที่คล้ายๆ กันจะกลายเป็นเงินดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ภายในปีหน้า



วงการคริปโตจะวิวัฒนาการเพื่อก้าวต่อไป
การทำให้สกุลเงินดิจิทัลเป็นที่ยอมรับโดยสถาบันหลักและสถาบันระดับชาติมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่สนับสนุนเทคโนโลยีนี้ โดย "อะชีช" และ "บรีแอนน์" ต่างก็คาดหวังว่า จะสร้างคลื่นแห่งการรวมตัวกันของผู้ที่แลกเปลี่ยนคริปโต

"อะชีช" กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของระบบรักษาความปลอดภัย กฏเกณฑ์และข้อปฏิบัติและเทคโนโลยีอาจยากเกินกว่าที่กระดานเทรดเล็ก ๆ จะสามารถแบกรับภาระได้ การรวมตัวกันจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เติบโตจากระดับภูมิภาคไปสู่การเป็นผู้เล่นระดับโลกและสามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง Binance ซึ่งเริ่มมีการรวมตัวกับบริษัทเทรด exchanges เจ้าอื่นอีกหลายรายแล้ว

"บรีแอนน์" เห็นว่าการรวมกิจการได้รับแรงหนุนจากความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนจากสถาบันขนาดใหญ่ คาดการณ์ว่า “การมุ่งเน้นที่วอลลุ่มที่แท้จริงจะทำให้ความสนใจในการแลกเปลี่ยนของผู้ใช้รายย่อยลดลง และเกิดตลาดแลกเปลี่ยนในระดับสถาบันมากขึ้น” ประเด็นนี้จะช่วยจุดประกายการรวมกิจการ เพราะบริษัทต่างๆ แข่งขันกัน เพื่อต้องการเพิ่มปริมาณและลูกค้า



นอกเหนือจากตลาดแลกเปลี่ยน "แบรด" ยังคาดหวังที่จะเห็นการรวมกันระหว่างบริษัทคริปโตนั้นเองด้วย สรุปว่ามันเหมือนเกมส์ตัวเลขง่าย ๆ “โลกนี้ไม่ได้ต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลสองพันกว่าสกุล และไม่เชื่อว่าจะมีเหรียญขั้นเทพสกุลไหนที่จะครองปฐพีนี้ได้หมด มันชัดเจนว่าถ้าสินทรัพย์ไหนไม่มีเคสตัวอย่างผู้ใช้งานมีแต่การเก็งกำไรอย่างเดียว ก็ไม่มีทางที่จะอยู่รอดได้” ในปีนี้จำนวนของบริษัทคริปโตเริ่มหยุดนิ่งหรือหดตัวลงด้วยซ้ำ และแบรดคาดการณ์ว่านี่จะยังเป็นเทรนด์ที่ดำเนินต่อไปในปี 2563

คริปโตจะถูกผลักดัน? 
เทรนด์สามอย่างที่กำลังถูกพัฒนาจะช่วยเป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่ให้กับวงการสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่ "บรีแอนน์" กล่าวว่า  เมื่อสถาบันเริ่มมีการใช้และเริ่มคุ้นเคยกับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล การออกกฏระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนขึ้นในสหรัฐอเมริกา และ Bitcoin Halving ครั้งต่อไปในเดือนพฤษภาคม ปี 2563 จะนำไปสู่การหันมาเริ่มใช้สินทรัพย์ดิจิทัลครั้งยิ่งใหญ่ในรอบการปรับเปลี่ยนครั้งต่อไป

การก้าวข้ามครั้งใหญ่นี้ "อีธาน" เปรียบเหมือน “การหันไปพึ่งสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่อาจจะเกิดขึ้น

ส่วน "ลิบรา" สมาชิกในทีม "ริปเปิล" หลายคน ลงความเห็น และทายว่า ลิบร้ามีแค่สองทางเลือกคือ ไม่เปิดตัวขึ้นก็ต้องปิดตัวลงในปี 2563 นี้ คาดว่าด้วยกฏระเบียบข้อบังคับที่ยุ่งยากมากขึ้น ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและความไม่พร้อมของสมาชิกหลักบางคน จะทำให้แผนการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลของเฟซบุ๊คต้องพับไปชั่วคราว

ปีแรกแห่งทศวรรษใหม่ที่กำลังจะมาถึง จะได้เห็นสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน ยังคงปรากฏขึ้นต่อไป ในฐานะปัจจัยสนับสนุนหลักของโลกการเงินแห่งอนาคต ผู้ที่เคลื่อนไหวคนแรก จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโลกวันพรุ่งนี้