สู้ศึกทรัมป์ กีดกันการค้า ฟิวเจอร์ฟู้ดส์ ลุ้นส่งออกโต 1.69 แสนล.

13 มี.ค. 2568 | 05:38 น.

ปี 2567 ไทยมีการส่งออกสินค้าอาหาร 1.63 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อน ถือเป็นการส่งออกที่โตสวนกระแส

 ส่วนปี 2568 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสถาบันอาหารได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าอาหารของไทยร่วมกัน คาดจะส่งออกได้มูลค่า 1.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 6.8%

อย่างไรก็ดีในตัวเลขการส่งออกสินค้าอาหารปี 2567 ข้างต้น เป็นการส่งออกสินค้าอาหารอนาคต (อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และสารประกอบเชิงฟังก์ชัน, อาหารทางการแพทย์, โปรตีนทางเลือก, ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และอาหารไม่ปรุงแต่ง) มูลค่า 161,728 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารไทยโดยรวม

ทั้งนี้ทิศทางแนวโน้มการส่งออกอาหารแห่งอนาคตในปี 2568 จะเป็นอย่างไรนั้น “ฐานเศรษฐกิจ”สัมภาษณ์ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ได้รับคำตอบอย่างน่าสนใจยิ่ง

วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย

แข่งขันสูงคาดยังโตได้ 5%

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารอนาคตในปี 2568 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง คาดจะขยายตัวได้ประมาณ 5% (คิดเป็นมูลค่า 169,814 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และการค้าโลกเป็นระยะ ๆ นับจากนี้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากในปีที่ผ่านมา ในเบื้องต้นสามารถสรุปปัจจัยลบและความท้าทายได้ 5 ประการคือ

1. การแข่งขันสูงจากประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และสิงคโปร์ ที่กำลังพัฒนาโปรตีนทางเลือกและอาหารฟังก์ชัน ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน 2. กฎระเบียบที่เข้มงวด โดยตลาดหลักมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอาหาร มาตรฐานสิ่งแวดล้อม และกฎหมายสุขภาพที่ซับซ้อน อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก

 3.ต้นทุนการผลิตและการรับรองมาตรฐานสูง ที่อาหารฟังก์ชันและอาหารอินทรีย์ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและรับรองจำนวนมาก อาจเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการรายย่อย 4. การพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ ที่ไทยมีการนำเข้าส่วนผสมสำคัญ เช่น โปรตีนสกัดและสารเติมแต่งโภชนาการ ทำให้ต้นทุนสูงและมีความเสี่ยงจากปัญหาซัพพลายเชน

5.ความเสี่ยงจากนโยบายของสหรัฐอเมริกา (ทรัมป์ 2.0) สืบเนื่องจากสหรัฐ เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของอาหารอนาคตจากไทย แต่ทิศทางนโยบายการค้าในสมัยรัฐบาลใหม่ยังไม่ชัดเจน อาจมีการปรับขึ้นภาษี รวมถึงนโยบายกีดกันทางการค้า หรือมาตรการคุมเข้มด้านมาตรฐานอาหาร อาจกระทบต่อการส่งออกไทย

6.ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งนี้แม้ตลาดอาหารแห่งอนาคตจะยังมีแนวโน้มเติบโต แต่เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยที่กดดันการบริโภค และภาวะถดถอยของบางประเทศ อาจทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงและส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพและนวัตกรรม

สู้ศึกทรัมป์ กีดกันการค้า ฟิวเจอร์ฟู้ดส์ ลุ้นส่งออกโต 1.69 แสนล.

4 ปัจจัยบวกยังหนุน

อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนการเติบโตของสินค้าอาหารอนาคตของไทยได้แก่ 1. ความต้องการของตลาดโลกเพิ่มขึ้น จากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความยั่งยืน และอาหารที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม 2. เทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยไทยมีศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีอาหาร นวัตกรรมโปรตีนทางเลือก และโภชนาการเฉพาะบุคคล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม

3.ภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุน โดยมีมาตรการและโครงการต่าง ๆ เช่น Trade Intelligence System (TIS) ที่ช่วยส่งเสริมข้อมูลด้านการค้าและแนวโน้มตลาด และ 4. ตลาดส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยไทยมีคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ เช่น สหรัฐ จีน และอาเซียน ที่มีความต้องการสูงสำหรับสินค้าอาหารแห่งอนาคต

“อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตของไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากความต้องการตลาดที่เพิ่มขึ้น มีนวัตกรรมด้านอาหาร และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ตาม การแข่งขันระดับโลก ความท้าทายด้านกฎระเบียบ และต้นทุนการผลิตที่สูง เป็นปัจจัยที่ต้องเผชิญ”

นอกจากนี้ นโยบายของสหรัฐ ในสมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นไทยจึงควรกระจายตลาดส่งออก และขยายโอกาสในภูมิภาคอื่น และพัฒนาขีดความสามารถภายในประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ขณะเดียวกันต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง จะช่วยให้ไทยสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและเติบโตในตลาดอาหารแห่งอนาคตได้อย่างยั่งยืน