ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวบรรยายพิเศษในงานดินเนอร์ทอล์ค “GO THAILAND 2025" จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ในหัวข้อ “Global Markets : เกษตรไทยผงาดตลาดโลก” ใจความสำคัญระบุว่า
สำหรับในภาคการเกษตร แม้ว่าไทยจะเป็นประเทศเล็ก แต่ก็มีความสมบูรณ์มากพอที่จะมีความมั่นคงอาหารของประเทศ เท่านั้นยังไม่พอเรายังมีเหลือส่งไปออกให้ชาวโลกให้เกิดความมั่นคงทางอาหารด้วย เพราะฉะนั้นในเวทีโลกได้ให้ความสำคัญของภาคการเกษตรของไทย เห็นได้จากจากองค์กรนานาชาติที่เกี่ยวกับเรื่องของอาหารและการเกษตรมาตั้งสำนักงานสาขาภูมิภาคประจำประเทศไทยครบหมดแล้ว
ทั้งนี้สถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในเวทีโลก ในปีที่ผ่านมาอยู่ในอันดับที่ 15 ของโลก ดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ในอันดับที่ 16 ของโลก และจากสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าปีละประมาณ 1 ล้านล้านบาท โดยการส่งออกสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 ปี 2565 -2567) อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี (ยังไม่รวมแปรรูปอาหาร) ขณะที่การนำเข้าสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.3 ต่อปี
โดยเฉพาะในปี 2567 ไทย มีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร 2.5 ล้านล้านบาท มีมูลค่าการส่งออก 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นว่า ไทยยังมีศักยภาพและโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าบทบาทของไทยที่มีในตลาดโลก โดยมีประเทศคู่ค้าหลักของไทยที่มีมูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ประเทศ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
ทั้งนี้สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญ 5 อันดับแรกของไทยในปี 2567 รวมมูลค่า 689,409 ล้านบาท ได้แก่ 1.ข้าว มูลค่า 199,666 ล้านบาท อันดับ 2 เนื้อไก่ มูลค่า 147,980 ล้านบาท อันดับ 3.ทุเรียน มูลค่า 134,847 ล้านบาท อันดับ 4 ยางพารา มูลค่า 112,571 ล้านบาท ซึ่งในพืชชนิดนี้ช่วยทำให้เพิ่มหมุนเวียนในเศรษฐกิจมูลค่านับแสนล้านบาทในปีที่แล้ว โดยไม่ใช้เงินรัฐบาลอุดหนุนรัฐ อันดับ 5 มะพร้าว มูลค่า 21,892 ล้านบาท อันดับ 6 มังคุด มูลค่า 17,573 ล้านบาท และอันดับ 7 มะม่วง มูลค่า 5,692 ล้านบาท ทำให้ประเทศไทยผงาดในตลาดโลก อยู่ในอันดับที่ 15 ดีขึ้นจากปีที่แล้ว
นับจากนี้ไปทางกระทรวงจะมุ่งเน้นนโยบายใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ High Value Agriculture เกษตรมูลค่าสูง (มิติเศรษฐกิจ+สังคม) โดยใช้แนวคิดตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเร่งผลักดันในเรื่องของการทำเกษตรมูลค่าสูง โดย เพิ่ม Productivity ในการผลิตค้าเกษตร เน้นส่งเสริมพันธุ์ดี ดินดีและกระจายน้ำให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึง ส่งเสริมการทำเกษตรสมัยใหม่ และเกษตรแม่นยำ (Agricultural Precision Farming) ด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การเกษตร (Agri - Tech) ในการผลิตทางการเกษตร ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาด และมีตลาตรองรับอยู่แล้ว เน้นผลิตน้อย ได้มาก
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีการส่งเสริมการทำนาข้าวโดยนำเทคโนโลยีจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง (AWD) จำนวน 10 ล้านไร่ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าร้อยละ 30 เร่งยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง ผลักตันให้เกษตรกร/ กลุ่มเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรในพื้นที่ สร้าง Brand หรือ Story ของตนเองและผลักดันสินค้าเกษตรให้เป็น Soft Power ที่สำคัญต้องช่วยกันทำให้สินค้าเกษตรไทยดังไกลไปทั่วโลก ซึ่งในส่วนนี้จะใช้ช่องทางความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เน้นส่งเสริมการผลิตสินค้าที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ในประเทศ อาทิ กาแฟ ถั่วเหลือง โกโก้ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ สร้าง Reskill & Upskill เพื่อสร้างอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ไห้กับ เกษตรกรได้อย่างยั่งยืน