ลุยปราบธุรกิจนอมินี ปูพรมทั่วประเทศ–สกัดสินค้าไร้คุณภาพ

13 มี.ค. 2568 | 14:35 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มี.ค. 2568 | 14:57 น.

พาณิชย์ จับมือ 17 หน่วยงาน ลุยแผนคุมสินค้าด้อยคุณภาพ-ธุรกิจนอมินี เผยผลงาน ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เดินหน้าปราบปรามทั่วประเทศ

วันที่ 13 มีนาคม 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 3 (1/2568) ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 

โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ 17 หน่วยงานร่วมด้วย ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้ามาตรการที่ดำเนินมาตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2567 พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 17 หน่วยงานเร่งรัดแผนระยะกลาง 

 

ลุยปราบธุรกิจนอมินี ปูพรมทั่วประเทศ–สกัดสินค้าไร้คุณภาพ

 

ทั้งนี้ในที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศผิดกฎหมาย นำโดย ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าทีม ลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า การจดทะเบียนธุรกิจ และธุรกิจนอมินีทั่วประเทศ เพื่อทำให้ความเข้มข้นของการปราบปรามดียิ่งขึ้น 

ขณะเดียวกัน สำนักงานการแข่งขันทางการค้า (กขค.) จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบังคับใช้กฎหมายป้องกันสินค้าต่างชาติทะลักที่จะกระทบผู้ประกอบการไทยด้วย พร้อมทั้งได้เห็นชอบการขอรับการจัดสรรงบกลางตามคำขอของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อจัดตั้งห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยา ณ ท่าเรือแหลมฉบังและด่านเชียงของ 

และเห็นชอบการขอรับการจัดสรรงบกลางตามคำของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการตรวจสอบและเฝ้าระวังการขายสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอีกด้วย

 

ลุยปราบธุรกิจนอมินี ปูพรมทั่วประเทศ–สกัดสินค้าไร้คุณภาพ

 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย และแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ 2. คณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน 

โดยได้มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม คือ

  1. จัดเก็บภาษี VAT ได้ 1,500 ล้านบาท จากสินค้านำเข้าต่ำกว่า 1,500 บาท 
  2. ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมาย 24,626 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 1,257.24 ล้านบาท
  3. ลดการนำเข้าสินค้าผ่าน e-Commerce ลง 8% เฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท และ 4.กวาดล้างธุรกิจนอมินี 851 ราย มูลค่าความเสียหาย 15,121 ล้านบาท

 

ลุยปราบธุรกิจนอมินี ปูพรมทั่วประเทศ–สกัดสินค้าไร้คุณภาพ

“รัฐบาลมุ่งมั่นปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย และธุรกิจนอมินี เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อปกป้องเศรษฐกิจและผู้บริโภคไทย ล่าสุดได้รับข้อร้องเรียนในการปลูกทุเรียนที่จังหวัดจันทบุรีโดยชาวต่างชาติ เราจะเร่งเข้าไปตรวจสอบและจะขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากขึ้น” นายพิชัยกล่าว

ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับคณะกรรมการฯ ทีมีมติแต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมีหน้าที่ดำเนินการใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ การควบคุมสินค้านำเข้า และการตรวจสอบธุรกิจนอมินีของคนต่างด้าว จะดำเนินการควบคุมสินค้านำเข้า เพิ่มการตรวจสอบสินค้าที่เข้าสู่ประเทศไทยจากเดิม 20% เป็น 30% ตรวจสอบแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น อย. และ มอก. และสินค้าคุณภาพต่ำบางส่วนไม่ได้ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่กระจายอยู่ในตลาดทั่วไปต้องเพิ่มการตรวจสอบออฟไลน์ให้ครอบคลุม 

สำหรับการตรวจสอบธุรกิจนอมินีของคนต่างด้าว จะเน้นตรวจสอบเอกสารการถือหุ้นและรูปแบบการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติ ที่บางกรณีพบว่าธุรกิจของชาวต่างชาติอาจจดทะเบียนในชื่อคนไทยทั้งหมด ทำให้ตรวจสอบได้ยาก และบางธุรกิจจดทะเบียนในจังหวัดหนึ่งแต่ดำเนินการจริงในอีกจังหวัด ซึ่งต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ 

 

ลุยปราบธุรกิจนอมินี ปูพรมทั่วประเทศ–สกัดสินค้าไร้คุณภาพ

 

รวมถึงธุรกิจบางประเภทเข้าข่ายเป็นธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ทำให้คณะทำงานชุดนี้จะต้องลงพื้นที่ตรวจสอบทั้ง สินค้านำเข้าและธุรกิจนอมินี ควบคู่กันโดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย เพื่อให้การตรวจสอบครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการร้องเรียนเรื่องนอมินีนิติบุคคล สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dbd.go.th หัวข้อ “รับเรื่องร้องเรียนปัญหานอมินี” หรือหากสงสัยว่าที่อยู่ของตนถูกมิจฉาชีพนำไปจดจัดตั้งเป็นนิติบุคคลโดยไม่ได้ยินยอมหรือไม่ สามารถตรวจสอบด้วยตนเองผ่าน “ระบบตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคล” บนเว็บไซต์ดังกล่าว และแจ้งเบาะแสกรณีถูกนำที่อยู่ไปใช้จดทะเบียนเป็นที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมทางสายด่วน 1570