คลังถอย“สถานบันเทิงครบวงจร” จ่อชงครม.ฉบับกฤษฎีกาแก้ไข

10 มี.ค. 2568 | 16:57 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มี.ค. 2568 | 16:57 น.

“จุลพันธ์” ถอยฟังกฤษฎีกา เตรียมชงครม. ไฟเขียวร่างพ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ กำหนดคนไทยเล่นกาสิโน ต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาท ระบุรัฐมีอำนาจพิเศษ ออกใบอนุญาตหลัก  โวนานาชาติสนใจลงทุน

ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร ฉบับใหม่ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญหลายประการ

คลังถอย“สถานบันเทิงครบวงจร” จ่อชงครม.ฉบับกฤษฎีกาแก้ไข

ทั้งกำหนดคุณสมบัติผู้ประกอบการที่ต้องเป็นนิติบุคคลในไทยและมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท คนไทยที่จะเข้าไปเล่นกาสิโนได้ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี

ที่สำคัญต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน

ล่าสุดนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เร็วๆนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติร่างพ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex)ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ และตั้งเป้าหมายว่า จะผลักดันร่างพ.ร.บ.ให้ทันสมัยการประชุมสภานี้ 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ สาเหตุที่เสนอครม.อีกครั้ง เพราะการปรับเปลี่ยนร่างพ.ร.บ. มีสาระสำคัญ จึงควรจัดทำกระบวนการให้ครบถ้วน อย่าง กำหนดให้คนไทยที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนถูกกฎหมายต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาท

จากก่อนหน้าที่พูดถึงข้อกำหนดให้คนไทยเข้าไปเล่นกาสิโนได้ แต่ต้องมีการยื่นแบบชำระภาษีย้อนหลัง 3 ปี ส่วนค่าเข้าเล่นในกาสิโนยังเก็บ 5,000 บาทนั้น เป็นเพียงข้อเสนอหนึ่งจะต้องไปหารือกันต่อในสภา 

“ยอมรับว่า ข้อกำหนดให้คนไทยที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนถูกกฎหมายนั้น แนวคิดกฤษฎีกากับรัฐบาลอาจจะต่างกัน แต่สุดท้ายส่วนของครม. ก็จะรับร่างพ.ร.บ.ของกฤษฎีกา เพื่อส่งเข้าสภา ซึ่งสุดท้ายอำนาจอยู่ที่สภาว่าจะปรับแก้อย่างไร” 

 

ส่วนกรณีที่มีข้อกังวลเรื่องการฟอกเงินและข้อเสนอให้นำพ.ร.บ.การพนันเข้ามาใช้กำกับดูแลนั้นนายจุลพันธ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.การพนัน ไม่ได้เกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งเป็นกฎหมายตั้งแต่ปี 2478 ไม่มีความทันสมัยแล้ว กระทรวงที่ดูแลจะไปปรับแก้อย่างไร ก็เป็นเรื่องของหน่วยงาน

เรื่องนี้เป็นคนละส่วนกับที่กระทรวงการคลังดำเนินการ เนื่องจากเราใช้หลักคิดคล้ายกับอีอีซีคือ ต้องมีอำนาจพิเศษ เกี่ยวกับการกำหนดใบอนุญาตหลัก (Super Licence)และการดำเนินโครงการ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาก็เห็นด้วย 

“โครงการลักษณะนี้ หากไม่มี Super Licence ก็จะเดินไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีกลไก ซึ่งเราได้ใส่ไว้แล้ว ฉะนั้น พ.ร.บ.บางฉบับที่มีความเกี่ยวเนื่องก็เว้นไป ส่วนเรื่องข้อเป็นห่วงการฟอกเงิน จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นประเด็นที่น่าห่วง ซึ่งไม่อยากให้มองภาพเหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหา เป็นคอลเซ็นเตอร์ แต่ของเราจะเป็นมาตรฐานระดับประเทศ (National Standards)” 

ส่วนเรื่องการฟอกเงินนั้น มีกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอยู่แล้ว และเชื่อว่า นักลงทุนที่เข้ามาจะช่วยเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้ เพราะนักลงทุนระดับโลกที่เข้ามาลงทุนระดับ 1 แสนล้านบาท มีความกังวลเรื่องการฟอกเงินเช่นเดียวกัน

เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้ลงทุนเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่มีการลงทุนที่สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์และญี่ปุ่น หากเข้ามากระทำผิดในพื้นที่เรา ก็จะโดนเพิกถอนใบอนุญาตในประเทศเหล่านั้นด้วย ฉะนั้น นักลงทุนจะต้องเข้ามาลงทุนด้วยความโปร่งใสที่สุด 

ขณะที่เราเองมีอำนาจในการกำกับดูแล โดยมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เช่น กฎหมายในร่างพ.ร.บ. กำหนดให้มีกลไกในการตรวจสอบทุก 5 ปี ว่าผู้ประกอบการดำเนินการถูกต้องตามกฎระเบียบที่เราตั้งไว้หรือไม่

หากไม่ทำตามเงื่อนไข หรือทำเรื่องผิดกฎหมาย เป็นการประกอบธุรกิจสีเทา หรือสีดำ เราก็จะเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการจะไม่ยอมเสี่ยงกับเรื่องเหล่านี้

นายจุลพันธ์กล่าวว่า การเดินหน้าจัดตั้งกาสิโน ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประเทศไทย เพราะประเทศเราพึ่งพาการท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติ ประเพณี และวัฒนธรรมมาย่างยาวนาน ซึ่งถึงจุดที่การเติบโตเป็นไปได้ค่อนข้างช้า จึงมีความจำเป็นต้องมีเครื่องยนต์ใหม่ที่จะเข้ามาเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่ง Entertainment Complex จะเป็นตัวที่เข้ามาเปลี่ยน

ทั้งนี้ จะเห็นว่าประเทศอื่นๆ ก็เริ่มผลักดันในเรื่องนี้ เช่น ดูไบ และญี่ปุ่น เป็นต้น ขณะเดียวกัน จากโมเดลสิงคโปร์ จะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนว่า สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวได้

ส่วนกรณีที่ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า นักลงทุนเข้ามาส่วนใหญ่รัฐจะมีการยกเว้นภาษีให้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐที่ต่ำกว่าคาดไว้นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรายังไม่เห็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับเรื่องนี้

บางประเทศที่มีปัญหานั้น ส่วนใหญ่มีการออกกาสิโนเป็นดอกเห็ด แต่ของไทยมีมาตรฐานที่นำเข้ามาจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ซึ่งไทยมีกลไกกำกับดูแล และมีเรทในการจัดเก็บ เพื่อดึงรายได้เข้ารัฐได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า กาสิโนในไทยจะไม่ขึ้นเป็นดอกเห็ด จะมี Entertainment Complex ไม่กี่จุด ซึ่งกำกับดูแลได้ อยู่ในอำนาจที่รัฐกำหนด สามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐ สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ นักลงทุนที่จะเข้ามา จะกำหนดได้ว่าอยากได้อะไร เช่น สวนสนุกระดับโลก สนามกีฬา ศูนย์แสดงสินค้า โรงโอเปร่า โรงแสดงละคร 

ดังนั้น เมื่อมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนใน Entertainment Complex แล้ว นักลงทุนเหล่านั้นจะเป็นผู้โปรโมทให้เรา เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

“ความสนใจของนานาชาติมีต่อ Entertainment Complex สูงมาก เพราะไทยมีแรงดึงดูดจากนักลงทุนต่างชาติในการเดินหน้า Entertainment Complex และนักลงทุนเชื่อว่า จะมีการคุ้มทุน ซึ่งไทยมีนักท่องเที่ยวเป็นฐานกว่า 30 ล้านคนต่อปี มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ เช่น การคมนาคม การขนส่ง โรงแรมที่มีความพร้อม”นายจุลพันธ์กล่าวทิ้งท้าย 

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,077 วันที่ 9 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2568