นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิต ด้านการจัดเก็บภาษีขอให้มุ่งเน้นต่อยอดนโยบายที่ส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการรถยนต์ประเภท Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) โดยในเดือนเม.ย.นี้ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับปรุงโครงสร้างภาษี PHEV
ด้านการปราบปรามผู้กระทำผิดตามกฎหมายสรรพสามิต ได้กำชับให้กรมสรรพสามิตดำเนินงานตามนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” โดยให้กรมสรรพสามิตเดินหน้าจับกุมและปราบปรามอย่างจริงจัง มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี ประกอบด้วย
1) การเน้นการขยายผลการจับกุมรายเล็กไปจนถึงรายใหญ่ เพื่อขจัดต้นตอการผลิตหรือลักลอบนำเข้าสินค้าสรรพสามิต โดยเฉพาะสินค้าสุราและยาสูบ โดยขอให้บูรณาการกับหน่วยงานภายนอกเพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด
2) เพิ่มศักยภาพด้วยการใช้เทคโนโลยีเคลื่อนที่ในการช่วยตรวจสอบสินค้า และบูรณาการความร่วมมือ MOU กับบริษัทขนส่งทุกบริษัท ในการตรวจสอบเส้นทางการขนส่งสินค้า และให้มีการขยายผลหาผู้กระทำความผิดเพื่อตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต
3) สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน เน้นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางระบบร้องเรียน หรือสายด่วน 1713 โดยผู้ร้องเรียนมีสิทธิขอรับเงินสินบนรางวัลได้เมื่อคดีสิ้นสุดลง
“ขอให้กรมสรรพสามิตเร่งรัดการปราบปรามให้เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยต้องดำเนินการให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม และตั้งเป้าหมายให้สินค้าที่ลักลอบนำเข้าโดยไม่ได้เสียภาษีโดยเฉพาะสินค้าสุราและยาสูบลดลงให้มากที่สุด”
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตพร้อมขับเคลื่อนนโยบายด้านการจัดเก็บภาษีและการปราบปรามดังกล่าว ให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และดูแลพี่น้องประชาชน มุ่งเน้นในการดำเนินนโยบายด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง และนำกลยุทธ์ SMART Excise มาใช้เพื่อยกระดับการทำงานทั้งระบบ
สำหรับการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยเฉพาะสินค้าสุราและบุหรี่เถื่อน ได้สั่งการให้สำนักงานสรรพสามิตภาค สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ และสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดอย่างเข้มงวดและจริงจังให้ครอบคลุมทุกมิติ
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในช่วง 5 เดือนแรก ผลการปราบปรามของ กรมสรรพสามิตเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 14,851 คดี สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 15.54 เงินค่าปรับนำส่งคลังจำนวน 198.11 ล้านบาท
“กรมสรรพสามิตจะเร่งยกระดับการทำงานเชิงรุกในด้านการปราบปรามทั้งระบบ และศึกษาแนวทางการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปราม รวมถึง บูรณาการหาความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอกองค์กรเพิ่มเติมต่อไป”