กรุงศรีคาด GDP ไทย 68 โตแค่ 2.7% ชี้หนี้ครัวเรือน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เสี่ยงสูง

04 มี.ค. 2568 | 09:17 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มี.ค. 2568 | 09:17 น.

วิจัยกรุงศรีคาด GDP ไทยปี 68 โตแค่ 2.7% จากปัจจัยบวกชั่วคราว ชี้หนี้ครัวเรือน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สินค้าจีนยังเสี่ยงสูง แนะรัฐให้ความสำคัญกับการผลักดันนโยบายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น

นางสาวพิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตจากปัจจัยบวกชั่วคราว ท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศ และกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยคาดว่า ตัวเลขจีดีพีจะขยายตัวที่ 2.7% ปรับดีขึ้นเล็กน้อยจาก 2.5% ในปี 2567

สำหรับปัจจัยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญประกอบด้วย

  • ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องแม้จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนการระบาด ของโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 35.5 ล้านคนในปี 2567 ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น การปรับตัวของอุปทานทั้งจำนวนเที่ยวบินและการขยายเส้นทางการบินเพิ่มเติม รวมทั้งมาตรการฟรีวีซ่า
  • การใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและกลับมาเป็นปกติหลังจากมีการเบิกจ่ายล่าช้าใน ปีงบประมาณ 2567 ประกอบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่เพิ่มขึ้นจากปีงบฯ ก่อน 4.2% และ เป็นงบขาดดุลที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.5% ของจีดีพี (3) การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวที่ 2.6% หลังจากที่หดตัว -1.6% ในปี 2567 แรงหนุนจากยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในปี 2567 ที่มีมูลค่าเงิน ลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมในปี 2568 จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วย แรงสนับสนุนจากหลายปัจจัย แต่ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายสำคัญ ได้แก่ 

  • ความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐอเมริกา รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
  • การหลั่งไหลของสินค้า นำเข้าจากจีน 
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง
  • ปัญหา เชิงโครงสร้าง เช่น ภาวะสังคมสูงอายุ หนี้ครัวเรือนสูง และความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง

นางสาวพิมพ์นารา กล่าวอีกว่า ประเทศไทยก็มีความเสี่ยงที่จะโดนสหรัฐฯ เพ่งเล็งเช่นกัน เนื่องจากในปี 67 ประเทศไทย ติดอันดับที่ 11 ดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่เกินดุลสูง เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจจะอยากเพ่งเล็งประเทศไทย และความเสี่ยงที่ทางทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยามองเห็น คือ ด้านภาคการส่งออก

ด้านการส่งออกของไทยปี 68 อาจจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างจำกัด คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 2.7% เนื่องจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น จากการปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตในประเทศที่มีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย

อย่างไรก็ดี ตัวเลขจีดีพีในปี 2568 ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% นั้น เป็นตัวเลขที่ทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินไว้เบื้องต้นในปัจจุบัน แต่ถ้าหากต้องการให้ตัวเลขจีดีพีของปี 2568 สูงกว่า 2.7% และก้าวสู่เป็นประเทศที่รายได้สูง รัฐบาลจะต้อง ให้ความสำคัญกับการผลักดันนโยบายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น เนื่องจาก เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งตรงนี้ ประเทศไทยอาจจะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนมากนัก

รวมถึงปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจไทยมองเห็นความเสี่ยงทั้งในเชิงระยะสั้นและความเสี่ยงในระยะยาวเชิงโครงสร้าง ดังนั้น หากรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะต้องกระตุ้นควบคู่ทั้งการกระตุ้นระยะสั้นและการกระตุ้นระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ก็จะต้องดูความชัดเจนของแนวทางนโยบายของรัฐบาลอีกครั้ง