นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 3,025,596 ราย
กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ต่อราย เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 แล้ว จำนวน 3,025,596 ราย ซึ่งยังโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 200,520 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 6.63)
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กรมบัญชีกลางได้สั่งจ่ายเงินในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 1 ให้แก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 199,919 ราย (หักผู้ถูกระงับสิทธิเนื่องจากเสียชีวิต) โดยผลการโอนเงินแบ่งเป็น
สำหรับสาเหตุที่โอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ จำนวน 39,761 ราย (ร้อยละ 96.49 ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่โอนเงินไม่สำเร็จ) ยังไม่ลงทะเบียนสมัครพร้อมเพย์เพื่อผูกบัญชีเงินฝากกับเลขประจำตัวประชาชน
นอกจากนี้ มีสาเหตุอื่น ๆ จำนวน 1,446 ราย (ร้อยละ 3.51 ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่โอนเงินไม่สำเร็จ) ได้แก่ บัญชีธนาคารไม่เคลื่อนไหว บัญชีธนาคารถูกปิด เลขที่บัญชีไม่ถูกต้องหรือบัญชีธนาคารติดเงื่อนไข และไม่มีบัญชีธนาคาร
โฆษกกระทรวงการคลังขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า กระทรวงการคลังจะมีการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) อีกจำนวน 2 ครั้งเท่านั้น จึงขอให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเข้าไปตรวจสอบผลการจ่ายเงินผ่านทางแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยหากปรากฏผลว่า โอนเงินไม่สำเร็จให้ประชาชนเร่งติดต่อธนาคารเพื่อดำเนินการผูกพร้อมเพย์กับบัญชีเงินฝากด้วยเลขประจำตัวประชาชน
ส่วนประชาชนที่เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนแล้วให้ติดต่อธนาคารเพื่อตรวจสอบบัญชีดังกล่าวว่ามีปัญหาใด เช่น บัญชีธนาคารถูกปิด บัญชีธนาคารติดเงื่อนไข บัญชีธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เป็นต้น และขอแก้ไขตามแต่ละกรณี โดยอาจจำเป็นต้องผูกพร้อมเพย์กับบัญชีใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมรับเงินในรอบถัดไป
โดยรอบจ่ายซ้ำ จ่ายเงินภายในวันที่ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่
ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 3 แล้ว กระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
สำหรับผู้มีสิทธิอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นบุคคลล้มละลายสามารถขอรับเงินตามโครงการฯ ได้ โดยต้องไปกรอกแบบฟอร์มขออนุญาตเปิด/ใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการฯ โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของกรมบังคับคดี และจัดส่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการ
ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการกรอกแบบฟอร์มถึงธนาคาร เพื่อขอให้ธนาคารเปิดบัญชีให้บุคคลล้มละลาย หรือยกเลิกการอายัดบัญชีของบุคคลล้มละลาย เพื่อรับเงินตามโครงการฯ
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ภาครัฐได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้น 2,983,788 ราย ทำให้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 29,837.88 ล้านบาท ขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ว วางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัวต่อไป