เครือข่ายภาคประชาสังคมตะวันออกกว่า 70 คน รวมตัวประชุมที่ชื่นวารินรีสอร์ท จังหวัดระยอง เพื่อกำหนดแนวทางต่อต้านการก่อตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ที่มีกาสิโนในพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดผลักดันร่าง พ.ร.บ. ที่เป็นการ "ซุกกาสิโน" และเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านการทำประชามติ
นายโชติ ฟางลอย จากศูนย์ประสานงานชุมชน จ.ระยอง เห็นว่าแม้รัฐบาลจะอ้างการกระตุ้นเศรษฐกิจและหารายได้จากการท่องเที่ยว แต่เป็นวิธีการที่ผิด เพราะภาคตะวันออกมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามสามารถดึงนักท่องเที่ยวได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งกาสิโน
ด้านนางสาวอภินันท์ภรณ์ ใต้หล้าสถาพร ตัวแทนหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา วิจารณ์ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน การแสดงความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ไม่สามารถเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม และผลประโยชน์ไม่ได้ตกถึงประชาชน นอกจากนี้ยังแสดงความกังวลเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่หย่อนยาน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลประโยชน์ทับซ้อนและปัญหาอื่นๆ ตามมา
ตัวแทนเครือข่ายเยาวชน นางสาวพจนา ศุภผล จากกลุ่มรักษ์เขาชะเมา จ.ระยอง แสดงความกังวลว่าหากมีคาสิโนในพื้นที่ภาคตะวันออก ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีทักษะในการประกอบอาชีพน้อย อาจถูกดึงเข้าสู่วงจรอุบาทว์
นายศิลป์ชัย แซ่เจีย จากเครือข่ายภาคประชาสังคม จ.จันทบุรี เตือนประชาชนให้อย่าหลงเชื่อ พร้อมยกตัวอย่างบทเรียนจากนโยบายขุดบ่อล่อปลาของนักการเมืองในอดีต และโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน "คนกลุ่มเล็กๆ ได้ผลประโยชน์มหาศาล แต่ประชาชนต้องทนอยู่" เขากล่าว
ขณะที่นางสาวน้ำผึ้ง ถิ่นสิรคุณ จากเครือข่ายภาคประชาสังคม จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา มีการกว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่หลายแปลงโดยกลุ่มนายทุน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ในขณะที่ชาวบ้านไม่รู้ข้อมูลและไม่ได้ตั้งตัว
นายสุทธิธรรม เลขวิวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนและภาคประชาสังคมตะวันออก สรุปว่าที่ประชุมมีมติออกแถลงการณ์ต่อรัฐบาลและรัฐสภา โดยมีข้อเรียกร้อง 5 ประการ ได้แก่
ให้รัฐบาลหยุดผลักดันร่าง พ.ร.บ. "ซ่อนแอบ" ฉบับนี้
1.หากต้องการเดินหน้า ต้องมีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบคอบโดยหน่วยงานที่เป็นกลาง
2.จัดรับฟังความเห็นประชาชนอย่างทั่วถึง สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
3.สนับสนุนให้เกิดการกระจายการรับรู้สู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง
4. จัดทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ
ทั้งนี้ เครือข่ายฯ เห็นพ้องกันว่า พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเป็นการ "ซุกกาสิโน" ที่ไม่ใช่ความต้องการของประชาชน แต่เป็นความต้องการของผู้มีอำนาจและกลุ่มทุน โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย